กรมสุขภาพจิต ชี้ สื่อนำเสนอภาพความรุนแรง ผู้ป่วยจิตเวช การฆ่าตัวตาย ส่งผลกระทบภาพลบผู้ป่วยจิตเวช แนะนำเสนอสร้างสรรค์ช่วยลดปัญหาการฆ่าตัวตาย ไม่ละเมิดสิทธิครอบครัวผู้ใกล้ชิด พร้อมสอดแทรกความรู้ด้านสุขภาพจิตที่ถูกต้อง
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเนื่องในวันนักข่าว หรือวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ ว่า หลายคนในสังคมอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ หรือมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องของผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตอยู่ ส่วนหนึ่งอาจจะมองว่า การป่วยเป็นการเสแสร้ง แกล้งทำ น่าเบื่อหน่าย พฤติกรรมที่เกิดขึ้นบางอย่าง เช่น การฆ่าตัวตาย มักจะถูกมองว่าเป็นการกระทำของคนโง่ อ่อนแอไม่เข้มแข็ง เป็นการเรียกร้องความสนใจ และมักถูกเยาะเย้ย ซ้ำเติม หรือถูกมองว่าเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ เป็นเรื่องของนิสัย หรือถ้าได้รับการรักษาก็รักษาไม่หาย รวมทั้งผู้ป่วยทางจิตที่เคยมีพฤติกรรมรุนแรงมาก่อนก็ถูกมองว่าเป็นอันตรายต่อสังคมตลอดชีวิต ทำให้คนในชุมชนรู้สึกหวาดกลัว รังเกียจ ญาติก็รู้สึกอับอาย นอกจากนี้ การนำเสนอเรื่องราวของผู้ป่วยจิตเวช หรือการฆ่าตัวตายผ่านสื่อก็ทำให้เกิดผลกระทบภาพลบตอกย้ำต่อผู้มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น การนำเสนอผู้ป่วยจิตเวชที่มีพฤติกรรมรุนแรง ทำร้ายคนอื่น ซึ่งในความเป็นจริงมีเพียงส่วนน้อย การนำเสนอภาพหรือข่าวการฆ่าตัวตายซ้ำ ๆ ติด ๆ กันหลายวัน ข่าวการฆ่าตัวตายของผู้มีชื่อเสียง การเผยแพร่ภาพยนตร์หรือละครที่มีบทพยายามฆ่าตัวตายหรือมีการฆ่าตัวตายที่แสดงวิธีอย่างละเอียด การนำเสนอตัวละครหรือการใช้คำพูดที่ล้อเลียนผู้ป่วยทางจิต เช่น คนบ้า คนไม่เต็มบาท คนไม่ครบ คนไม่สมประกอบ คนน่ากลัว โรคจิต เป็นต้น ถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและการฆ่าตัวตาย ความเป็นจริงแล้ว โรคทางจิตเวช ไม่ใช่โรคร้าย ไม่ใช่ตราบาป ไม่ใช่เรื่องน่าละอาย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และสามารถรักษาให้หายกลับคืนสู่สังคมได้อย่างมีคุณค่า
“นอกจากบุคลากรทางการแพทย์ ครอบครัว และ ชุมชนแล้ว สื่อมวลชน นับว่าเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญ ที่จะช่วยสร้างสรรค์สังคมให้มีสุขภาพจิตดี ช่วยลดตราบาป สื่อสารอย่างสร้างสรรค์ให้เกิดความเข้าใจทางบวก ป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและปัญหาการฆ่าตัวตายในสังคมได้ โดย 1. ระมัดระวัง การพาดหัวข่าว หรือนำเสนอภาพข่าวในลักษณะที่มีสีสัน เน้นหรือตอกย้ำ ให้ความโดดเด่น หรือ ดราม่า ก่อให้เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ ซ้ำเติมความทุกข์ หรือโศกนาฏกรรมที่มากเกินไป 2. คำนึงถึงการนำเสนอข่าวที่อาจส่งผลต่อความรู้สึก หรือเกิดผลกระทบในทางลบต่อผู้ป่วย ญาติและผู้ใกล้ชิด ไม่ล่วงละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ตกเป็นข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิทธิมนุษยชนของเด็ก สตรี และผู้ด้อยโอกาส” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว
นพ.เจษฎา กล่าวว่า 3. สอดแทรกความรู้ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต เช่น การให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาการ หรือโรคทางจิตเวช การนำเสนอสัญญาณเตือน แนวทางการดูแลจิตใจ การป้องกันปัญหา ตลอดจนการนำเสนอตัวอย่างด้านบวกแก่สังคม โดยสามารถขอความรู้หรือข้อแนะนำได้จากจิตแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ หรือนักวิชาการด้านสุขภาพจิต 4. ให้ข้อมูลแหล่งให้การช่วยเหลือด้านจิตใจ หน่วยงานให้บริการ หรือให้คำปรึกษา เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ที่ควรระบุอย่างชัดเจนในตอนท้ายของข่าว บทความ หรือละคร 5. ดูแลกายและใจของตัวเองให้ดีเพราะการติดตามทำข่าวแต่ละครั้งอาจได้รับความเครียดและความทุกข์ได้มาก แม้ว่าจะมีประสบการณ์สูงแล้วก็ตาม จึงอย่าลืมพูดคุย ระบายกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อน คนในครอบครัว หรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือด้านจิตใจ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่