xs
xsm
sm
md
lg

สามพราน ริเวอร์ไซด์ถ่ายทอดภูมิปัญญาวิถีไทยให้วัยซน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสียงไพเราะจับใจของตัวโน้ตสูงต่ำที่กำลังบรรเลงผ่านเครื่องดนตรีไทยหลากชนิด ดังแว่วมาแต่ไกลจากมุมหนึ่งของหมู่บ้านไทย ในโรงแรม สามพราน ริเวอร์ไซด์ ต้นเสียงนี้มาจากฐานกิจกรรมดนตรีไทย ที่พี่ ๆ ใจดี ช่วยกันบรรเลงกล่อม หนูน้อยชั้นปฐมวัย จากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก องค์การบริหารส่วนตำบลยายชา อ.สามพราน จ.นครปฐม กว่า 50 ชีวิต ที่เข้ามาเรียนรู้คุณค่าสืบทอดภูมิปัญญาวิถีไทย เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ก็เพราะความก้าวหน้าทางด้านวัตถุเติบโตไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการ ใช้ชีวิตของคนในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะเยาวชนที่ได้รับผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ทำให้ สูญเสียโอกาสในสัมผัสวิถีชีวิตที่งดงาม และทรงคุณค่าของไทย โรงแรมสามพราน ริเวอร์ไซด์ หนึ่งในองค์กรที่ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงเปิด โอกาสให้กับเด็กนักเรียนในพื้นที่ ได้เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้และสัมผัสวิถีชีวิตแบบไทยโบราณผ่านฐานกิจกรรมต่างๆ ในหมู่บ้านไทย เพื่อหวังให้เยาวชนเกิดความรู้สึกหวงแหนมรดกทางวัฒนธรรมของบรรพบุรุต และเก็บไปถ่ายทอดจากรุ่นสู่ร่น

น.ส.อังคณา จีนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและผู้จัดการหมู่บ้านไทย โรงแรม สามพราน ริเวอร์ไซด์ บอกว่า ทางโรงแรมมีนโยบายที่จะถ่ายทอดคุณค่าทางวัฒนธรรม และภูมิปัญญา วิถีไทยออกไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ได้เข้ามาเรียนรู้และสัมผัสมนต์เสน่ห์ของการใช้ชีวิตแบบวิถีไทยด้วยตัวเอง เพราะสิ่งเหล่านี้นับวันจะหาดูได้ยากขึ้นทุกที หากไม่มีการอนุรักษ์หรือถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เชื่อว่าอนาคต เด็ก ๆ จะไม่รู้จักและไม่เห็นคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษสร้างไว้ให้ ทางโรงแรมจึงเปิดพื้นที่ให้เยาวชนเข้ามาศึกษาเรียนรู้เฉลี่ยเดือนละครั้งโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ให้เขาได้สัมผัสกับวิถีไทยโบราณด้วยตัวเอง ได้ทดลองจับ ลองทำ ลองเล่น หวังให้เขาเห็นคุณค่าสิ่งดี ๆ นี้ และนำต่อยอดให้เกิดประโยชน์ได้อีกมากมายในอนาคตเมื่อพวกเขาโตขึ้น

ด้าน น.ส.ลภัสรดา ชูสุวรรณ รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลยายชา ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดังกล่าว บอกว่า รู้สึกปลื้มแทนเด็ก ๆ ที่ได้รับโอกาสดี ๆ แบบนี้ จากโรงแรมสามพราน ริเวอร์ไซด์ เพราะด้วยวัยของเด็กที่ยังเล็กนักอายุเฉลี่ยเพียง 4 ขวบเท่านั้น ความรู้ที่ได้รับผ่านการบอกเล่าของคุณครูในชั้นเรียน ทำให้เขาไม่สามารถจินตนาการได้ การที่เขาได้มาเรียนรู้สัมผัสของจริง เป็นการสร้างประสบการณ์ชีวิตให้กับเด็ก และเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเด็กๆ ไม่เคยสัมผัสวิถีชีวิตแบบนี้มาก่อน การทำกิจกรรมวันนี้ ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่น่าตื่นเต้นสำหรับพวกเขา มันเป็นการเปิดโลกกว้างที่สร้างความประทับใจให้เด็กจดจำ แม้อายุยังน้อยนัก แต่แววตาที่ฉายออกมา เราสัมผัสได้ถึง ความสุข ความสนุกที่พวกเขาได้รับ

ภายในหมู่บ้านไทยแห่งนี้ เป็นแหล่งรวบรวมกิจกรรมวิถีไทยดั้งเดิม ทั้งการแสดง การละเล่น ประเพณีต่างๆ และศิลปวัฒนธรรมไทยโบราณ ตลอดจนการสาธิตหัตถกรรมพื้นบ้าน ซึ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน ลงมือปฏิบัติจริงด้วยตัวเอง

แต่ก่อนที่ความสนุกในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ จะเริ่มขึ้น พี่ ๆ ใจดี จากทีมหมู่บ้านไทย พร้อมทั้งคณะครู และเจ้าหน้าที่ อบต. ต่างช่วยกันจัดระเบียบวัยซน แบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ ละประมาณ 7 - 8 คน เพื่อได้ทั้งความรู้ ความสนุกสนานครบครันกันถ้วนหน้า จากนั้นพาไปตะลุยตามฐานเรียนรู้ต่าง ๆ ถึง 12 ฐานด้วยกัน ทุกฐานเน้นการเรียนรู้แบบครบวงจร ให้เด็กได้ทดลองปฏิบัติจริงด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นฐาน ทำนา มีการจำลองหมู่บ้านชาวนาให้เห็นอย่างชัดเจน ได้สัมผัสชีวิตครอบครัวควายตัวเป็น ๆ อย่างใกล้ชิดได้ทดลองใช้เครื่อง สีข้าวแบบโบราณ ฝัดข้าวด้วยกระด้ง ตำข้าว ดูการสาธิตวิธีดำนา ฐานนี้เน้นให้เด็กรู้คุณค่าของข้าวและสำนึกบุญคุณชาวนานั่นเอง

ถัดมาที่ฐานทอผ้าสาวไหม ความน่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งกว่าจะได้เสื้อผ้ามาห่มกายสักผืน ต้องเริ่มจากการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สาวเส้นไหม นำไปย้อม ทอเป็นผืนผ้า ก่อนนำมาตัดเป็นชุดสำเร็จรูปสวยๆ ได้สวมใส่ ไปต่อกันที่ ฐานเครื่องปั้นดินเผา ได้สนุกกับการปั้นช้างน้อยจากดินเหนียว แถมนำผลงานกลับบ้านได้ด้วย และใกล้ ๆ กันเป็นฐานจักสานปลาตะเพียน ฐานครัวไทยโบราณ ที่เด็กๆ หัดทำขนมกล้วย โดยใช้เตาถ่าน และขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายขูดมะพร้าว ฐานนี้เด็ก ๆ ชอบใจเลยอยู่กันนานหน่อย เพราะได้ชิมขนมกล้วยรสชาติแสนอร่อย

ไปต่อกันที่ ฐานวาดร่ม ฐานนี้ช่วยสร้างสมาธิ และเติมแต่งจินตนาการได้อย่างดี ส่วนฐานดนตรีไทยนาฏศิลป์ ที่ทำให้เด็ก ๆ ได้ รู้จัก เครื่องดนตรี และศิลปะการ รำไทย ฐานสมุนไพรลูกประคบ รู้จักชื่อ และสรรพคุณสมุนไพรแต่ละชนิด รวมถึงวิธีการนำมาใช้ประโยชน์ ฐานศิลปะการต่อสู่ ให้เด็ก ๆ ได้เห็นการใช้อาวุธโบราณในการต่อสู้ เช่น ง้าว ดาบ พลอง เป็นต้น

ด้วยวัยกำลังซน ความอยากรู้อยากเห็น ช่างสังเกต และจดจำเป็นเรื่องธรรมดา หลังจากเสร็จกิจกรรม ความประทับใจ คำถามมากมาย พร่างพรูใส่คุณครู พี่เลี้ยง ไม่เว้นแม้เจ้าหน้าที่ ใจความสำคัญที่จับได้ประมาณว่า “สนุกมากครับ ชอบทุกกิจกรรมเลย พี่ ๆ ใจดีสอนน้องเมิธร์ให้เล่นดนตรีไทย ปั้นช้าง ขูดมะพร้าวด้วยกระต่าย ได้ทดลองใช้เครื่องสีข้าวสมัยโบราณ คุณลุงที่ประจำฐานบอกว่า กว่าชาวนาได้ข้าวมาให้พวกเรากิน มันยากลำบากนัก เพราะฉะนั้นเด็กต้องกินข้าวให้หมดทุกครั้ง หรือตักพอกินอิ่มห้ามเหลือทิ้ง” จาก ด.ช.จิรายุ สุขสดใส หรือ น้องเมิธร์ หนูน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มในวัยเพียงแค่ 4 ขวบเท่านั้น

ส่วน ด.ญ.มนปรียา เผ่าล้วนงาม น้องแพรไหม เด็กน้อยในวัยเดียวกัน บอกว่า ชอบปั้นช้าง เพราะช้างเป็นสัตว์น่ารักและใจดี วันนี้ได้ทำหลายอย่างเลย ทั้งร้อยมาลัย สานปลาตะเพียน การทำลูกประคบ จากสมุนไพรชนิดต่าง ๆ กลิ่นสมุนไพรหอมสดชื่น หนูได้ทดลองตำสมุนไพรด้วย ชอบทุกกิจกรรมเลยค่ะ

มาปิดท้ายกับหนูน้อยนัยน์ตาคม แถมเป็นเด็กช่างสังเกต อย่าง ด.ญ.สิรัญยา โตสวัสดิ์ น้องเวียงพิงค์ ที่ตั้งใจจดจ่อกับฐานทอผ้าสาวไหมอยู่นานสองนาน เพราะน้องบอกว่า สนใจเรื่องการทำเส้นไหม อยากรู้ว่าเส้นไหมมาจากไหน ออกมาได้อย่างไร คุณป้าใจดีเลยสาธิตให้น้องดู เด็กน้อยร้องอ๋อ ที่แท้มาจากรังไหมนี่เอง หนูชอบรังไหมสีสวยดี คุณป้าบอกว่า ตัวไหมมีประโยชน์มาก เพราะเสื้อผ้าที่เราใส่ทำมาจากเส้นใยไหม

แม้ช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ แค่ 2 ชั่วโมง กับการใช้ชีวิตในห้องเรียนวัฒนธรรม แต่เกร็ดความรู้เล็กๆ ที่เด็กเก็บได้ในวันนี้ ถือเป็นชนวนสำคัญที่ช่วยจุดประกายสำนึกรักษ์ ให้เด็กน้อยรู้จักหวงแหนมรดกทางวัฒนธรรมของบรรพบุรุตโดยไม่ต้องอาศัยการท่องจำ

สำหรับโรงเรียน สถาบันการศึกษา หน่วยงาน องค์การต่างๆ ที่สนใจ นำนักเรียน สามารถส่งจดหมายแจ้งความประสงค์ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ แผนกกิจกรรม โทร. 081-359-5969 หรือ คลิกดูข้อมูลได้ที่www.sampranriverside.com

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่








กำลังโหลดความคิดเห็น