xs
xsm
sm
md
lg

ช็อกเจอ “เลือดสีชมพู” หมอชี้ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก กิน “ยาปฏิชีวนะ-กลูตาไธโอน” นาน มีสิทธิเป็น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แชร์กระหน่ำภาพ “เลือดสีชมพู” เหตุกินยาดีท็อกซ์สมุนไพรลดความอ้วน ด้านหมอเชี่ยวชาญด้านโลหิต ชี้ “เลือดชมพู” เกิดจากเม็ดเลือดแดงแตก ระบุ ยังไม่เคยพบสมุนไพรเป็นสาเหตุ แต่การกินยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด ความดันหัวใจ กลูตาไธโอน เป็นเวลานาน ทำตัวคุ้มครองเลือดไม่แข็งแรง จนเม็ดเลือดแดงแตกง่าย

จากกรณีสังคมออนไลน์แชร์ภาพเลือดของคนไข้รายหนึ่ง มีลักษณะเป็นสีชมพู โดยระบุว่า มาจากการกินยาดีท็อกซ์ลดความอ้วนติดต่อกันนานเกิน 2 เดือน โดยผู้ป่วยมาเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการปวดท้อง พร้อมนำยาที่รับประทานมาด้วยนั้น ซึ่งระบุว่า มีส่วนผสมของสมุนไพร ช่วยขับเมือกมัน ไขมันส่วนเกิน ช่วยให้รูปร่างสมส่วน ลดไขมันหน้าท้อง ไขมันพอกตับ เป็นต้น ซึ่งล่าสุดคนไข้รายดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว

วันนี้ (24 ก.พ.) นพ.ธานินทร์ อินทรกำธรชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา และหัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงเรื่องดังกล่าว ว่า ภาวะเลือดสีชมพูเป็นเพราะเม็ดเลือดแดงแตก แต่ทางการแพทย์ยังไม่เคยพบหลักฐานว่าสมุนไพรเป็นสาเหตุในการทำให้เม็ดเลือดแดงแตก มีแต่การรับประทานยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวดบางชนิด ยารักษาโรคความดัน และยารักษาโรคหัวใจ รวมถึงยาหรืออาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารกลูตาไธโอน หากรับประทานในปริมาณมาก และยาวนานอาจจะมีผลทำให้ตัวคุ้มครองเม็ดเลือดแดงไม่แข็งแรง จนเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกง่าย ซึ่งจะสามารถเห็นขั้นตอนนี้ได้เมื่อมีการนำเลือดไปปั่นเพื่อแยกพลาสมาดู และวินิจฉัยเพื่อการรักษาโรค แต่กลับพบว่าพบพลาสมากลายเป็นสีชมพู ทั้งที่ปกติควรจะเป็นสีใส หรือสีขาว

นพ.ธานินทร์ กล่าวว่า ผู้ที่มีภาวะเม็ดเลือดแดงแตกจะมีสัญญาณเตือนแสดงออกมา เช่น เหนื่อยง่าย เดินไม่ไหว คล้ายจะเป็นลม ถ้าปกติแล้วในผู้หญิงจะมีระดับฮีโมโกลบินอยู่ที่ประมาณ 12 ต่อกรัมเปอร์เซ็นต์ หากลดลงต่ำกว่านี้ราว 7 - 8 กรัมเปอร์เซ็นต์ ก็จะทำให้เกิดอาการดังกล่าว แต่เมื่อมีการหยุดยาที่จะไปเป็นตัวทำลายเม็ดเลือดแดง อาการเหล่านี้จะหายไปได้เองภายใน 5 - 7 วัน ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เว้นแต่ว่าจะมีอาการหนักให้รีบไปพบแพทย์ อย่างไรก็ตาม อาการรุนแรงถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลจะพบได้น้อยมากเฉลี่ย 1 รายต่อปี ซึ่งไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น