xs
xsm
sm
md
lg

ใบขับขี่ของหมอฟัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ
ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวสั้นชิ้นหนึ่งที่อ่านแล้วชวนตกใจ สรุปความได้ว่า “ไทยติดอันดับ 2 คนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในโลก” โดยที่อันดับดังกล่าวมาจากการเก็บสถิติของสถาบันวิจัยด้านการคมนาคม มหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ร่วมกับข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่า สถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนทั่วโลก มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 18 คนต่อประชากร 100,000 คนต่อปี แต่สำหรับนามิเบีย ไทย และอิหร่าน ซึ่งเป็นอันดับต้น ๆ (1-3) มีสถิติมากกว่าค่าเฉลี่ยเกิน 2 เท่า นั่นคือ 45 คน 44 คน และ 38 คนต่อประชากร 100,000 คนต่อปีตามลำดับ

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (ในเวลานั้น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข) ท่านได้เสนอวิธีป้องกันอุบัติเหตุไว้ 5 แนวทาง ได้แก่ 1. การบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนน 2. ถนนและการสัญจรอย่างปลอดภัย 3. ยานพาหนะปลอดภัย 4. ผู้ใช้รถใช้ถนนปลอดภัย 5. การตอบสนองหลังเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งแนวทางข้อ 1 - 4 เป็นความรับผิดชอบของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งที่ผ่านมา มีความพยายามในการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด และแนวทางหนึ่ง ก็คือ การเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองความสามารถในการขับขี่รถยนต์ให้มากขึ้น

สกู๊ปข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 ให้ข้อมูลเพิ่มว่า พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 กำหนดให้ผู้ที่ขอรับใบอนุญาตขับรถ ต้องได้รับการอบรมความรู้และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขับรถ จากนั้นต้องสอบข้อเขียนและสอบภาคปฏิบัติ ถ้าผ่านก็จะได้รับใบขับขี่แบบชั่วคราวซึ่งมีอายุ 1 ปี เมื่อครบกำหนดสามารถต่ออายุได้อีก 1 ปี จากนั้นจึงได้รับใบขับขี่ตลอดชีพ แต่อย่างไรก็ตาม พบว่า ปัญหาปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน มีเหตุมาจากประสิทธิภาพของผู้ขับขี่ ที่อาจมีสมรรถภาพร่างกาย รวมถึงความสามารถในการขับขี่ที่เปลี่ยนไป ทั้งจากอายุที่เพิ่มขึ้น หรือปัจจัยอี่น ๆ ทำให้มีการปรับการออกใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลใหม่ โดยยกเลิกใบขับขี่ตลอดชีพ ตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2547 เปลี่ยนเป็นใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล 5 ปีแทน เพื่อบังคับให้ผู้ขับขี่ต้องกลับเข้าระบบการทดสอบสมรรถภาพร่างกายว่ายังมีความพร้อมในการขับรถหรือไม่ในทุก ๆ 5 ปี เป็นการรับรองคุณภาพของผู้ขับขี่บนท้องถนนให้มีมากขึ้น

พร้อมกันนั้น ยังได้มีการปรับปรุงระเบียบการต่อใบอนุญาตเพื่อให้ได้ผู้ขับขี่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยมีการเพิ่มชั่วโมงการอบรมความรู้เกี่ยวกับการขับรถ และข้อกฎหมายต่าง ๆ จาก 2 ชั่วโมงเป็น 4 ชั่วโมง การกำหนดให้การต่ออายุใบขับขี่เมื่อครบ 5 ปีจะต้องมีใบรับรองแพทย์ประกอบ และเพิ่มการอบรมความรู้เกี่ยวกับการขับรถและข้อกฎหมาย เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้กับผู้ขับขี่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของวินัยการขับขี่ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ลดปัญหาการจราจรที่เกิดจากผู้ขับขี่ได้จิตสำนึกในเรื่องวินัยจราจร

โดยสรุปคือ แม้ว่ากฎหมายฉบับนี้จะไม่มีการทำใบขับขี่ตลอดชีพอีกต่อไป แต่ก็ไม่มีผลย้อนหลังต่อผู้ที่มีใบขับขี่ส่วนบุคคลตลอดชีพอยู่แล้ว

การยกเลิกใบขับขี่ตลอดชีพ ด้านหนึ่งอาจดูเป็นการจำกัดสิทธิ แต่หากมองลึกเข้าไปจะเห็นว่า แท้ที่จริงคือการปกป้องทั้งผู้ขับขี่และประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกันให้มีความปลอดภัยมากขึ้น

ถ้าหลักการสำคัญของการต่ออายุใบขับขี่เป็นเช่นนี้แล้ว การต่อใบอนุญาตทั้งหลายโดยเฉพาะวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและสุขภาพของประชาชนก็น่าจะอยู่บนหลักการเดียวกัน ใครอยู่วิชาชีพไหนก็คงต้องปรึกษาหารือกัน ค่อยพูดค่อยจาเพื่อแลกเปลี่ยนให้เห็นข้อดีข้อเสียให้รอบด้าน บนประโยชน์ของสมาชิกและประชาชนเป็นสำคัญ
ประเด็นการต่อหรือไม่ต่อใบอนุญาตเป็นเรื่องหนึ่ง ประเด็นการสื่อสารทำความเข้าใจถึงข้อดีข้อเสียของการต่อใบอนุญาตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แม้ว่าปัจจุบันโลกจะแคบลงด้วยเครื่องมือสื่อสารทั้งหลาย แต่ก็ใช่ว่าข้อมูลที่ปรากฏในฝ่ามือของเราจะครบถ้วนเสมอไป

บ่อยครั้งที่การไฟฟ้าหรือการประปาถูกต่อว่าแรง ๆ หรือบางครั้งถึงขึ้นถูกก่นด่า ด้วยข้อหาว่าไปตัดน้ำตัดไฟชาวบ้านโดยที่เขาไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่ตามระเบียบ เจ้าหน้าที่เขาแจ้งล่วงหน้าเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะดำเนินการ แต่กว่าที่ผู้ใช้บริการจะระลึกขึ้นได้ก็เมื่อถูกงดให้บริการไปเสียแล้ว

ทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ น่าจะอยู่ที่การพูดคุยทำความเข้าใจและแสดงเจตจำนงร่วมกันบนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน ปราศจากอคติ

ไม่มีใครเข้าใจวิชาชีพใดได้ดีเท่ากับผู้ประกอบวิชาชีพนั้นหรอกครับ

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น