โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เผยโต้พวกบิดเบือนใส่เว็บรัฐสภา ยันใส่สิทธิเสรีภาพประชาชนใน ม.55 และ 56 และอยู่ในบทบัญญัติหน้าที่รัฐ อ้างคงสิทธิเลือก ส.ส.แต่เปลี่ยนเป็นใช้บัตรใบเดียว หวังกลไกทำให้พรรคให้ความสำคัญการส่งผู้สมัคร ไม่ได้ทำรัฐบาลอ่อนแอ ปัดเพิ่มอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ แค่เพิ่มความรับผิดชอบแก้ปมวิกฤตการเมืองหรือข้อขัดแย้งตาม รธน. ชูเปิดแก้ไข รธน.ได้แต่ไม่ให้นักการเมืองใช้อำนาจล้มล้าง
วันนี้ (15 ก.พ.) นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงว่า ที่ประชุมได้รวบรวมข้อมูลชี้แจงต่อข้อบิดเบือนของกลุ่มต่างๆ ที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญ โดยเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.parliament .go.th เพื่อชี้แจงต่อประชาชนให้เข้าใจในข้อเท็จจริง อาทิ หมวดสิทธิเสรีภาพที่กล่าวหาว่า เราจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนน้อยกว่าในรัฐธรรมนูญปี 40 และ ปี 50 ทั้งที่ในร่างรัฐธรรมนูญ 2559 หลักการดังกล่าวมีอยู่ใน ม.55 และ ม.56 ที่กำหนดว่าสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยไม่ว่าจะบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพที่จะทำการนั้นได้และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ และการตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือที่กล่าวหาว่าเราตัด ม.4 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เกี่ยวกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ทำให้จะไม่ได้รับการคุ้มครอง ซึ่ง กรธ.ได้ดำเนินการโดยให้อยู่ในรูปของบทบัญญัติหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายของรัฐ และหมวดต่างๆ ที่จะต้องดำเนินการ หากรับไม่ดำเนินการก็จะต้องมีความรับผิดชอบ โดยประชาชนสามารถร้องต่อ ป.ป.ช.วินิจฉัยถึงขั้นพ้นจากตำแหน่งด้วย
นายอุดมกล่าวว่า นอกจากนี้ยังพยายามบิดเบือนว่ามีการตัดสิทธิประชาชนในการเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยไม่สามารถเลือกจากพรรคที่คิดว่าเหมาะสมได้ แต่เลือกได้เฉพาะแบบแบ่งเขต ข้อเท็จจริงคือเรายังคงสิทธิ์ของประชาชนที่จะเลือก ส.ส.ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ แต่ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการลงคะแนนเสียงโดยให้ลงคะแนนในบัตรเลือกตั้งเพียงครั้งเดียวแต่สามารถเลือกผู้สมัครได้ทั้งสองแบบ ทำให้ทุกคะแนนมีความหมายไม่ถูกทิ้ง
ส่วนข้อบิดเบือนว่ามีการวางกลไกลทางการเมืองให้เกิดรัฐบาลผสมหลายพรรค อ่อนแอไร้ซึ่งเสถีรภาพ พรรคขนาดกลางมีอำนาจต่อรองสูง มีองค์กรอิสระมาคุมการทำงานของรัฐบาลนั้น นายอุดมกล่าวว่า ซึ่งในร่างนี้ต้องการให้พรรคการเมืองตระหนักให้ความสำคัญในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งและนำนโยบายทุกด้านมาบริหารประเทศ ไม่มีการวางกลไกลใดที่จะทำให้รัฐบาลอ่อนแอ การทำให้พรรคการเมืองร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลทำให้การกำหนดนโยบายครอบคลุมทุกด้าน หากรัฐบาลบริหารประเทศด้วยความเข้มแข็งการบริหารประเทศย่อมมีความต่อเนื่อง มีความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทำให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
สำหรับข้อกล่าวหาว่า กรธ.เพิ่มอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนนักการเมืองและฝ่ายต่างๆ เพิ่มอำนาจองค์กรอิสระอยู่เหนือรัฐบาลรัฐสภา กรธ.ขอยืนยันว่า ในร่างรัฐธรรมนูญไม่มีการบัญญัติเพิ่มอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่เพิ่มหน้าที่ความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง หรือเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และยังเพิ่มคุณสมบัติของคณะกรรมการสรรหาที่มีทั้ง ประธานศาลฎีกา ประธานสภาฯ ผู้นำฝ่ายค้าน และประธานศาลปกครองสูงสุด ทำการสรรหาเพื่อเพิ่มความชอบธรรมให้กับศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงข้อกล่าวหาว่ากรธ.ปิดกั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้เกิดวิกฤต ขัดขวางการพัฒนาการเมืองและประเทศ และนำไปสู่การฉีกรัฐธรรมนูญด้วยอำนาจนอกระบบ ก็ยืนยันว่าไม่จริง เพราะหลักการแก้ไขก็ยังยืนยันหลักการเดิม คือ เปิดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หากมีจำนวนเสียงสนับสนุนที่เหมาะสมตรงกับหลักสากล แต่ไม่ให้นักการเมืองเข้ามาใช้อำนาจล้มล้างได้