ญาติมั่นใจ “เสี่ยชูวงษ์” ไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ แต่ยังขออุบหลักฐาน ด้านแพทยสภาส่งรายงานวิเคราะห์ผลชันสูตรพบกระดูกคอข้อที่ 6 - 7 ถูกกระแทกหัก เป็นของแข็งไม่มีคม รับหลักฐานภาพถ่ายน้อยไป
วันนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่แพทยสภา นางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาวของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่เสียชีวิตหลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ พร้อมด้วย นายเอนก คำชุ่ม ทนายความ เดินทางเข้าพบ ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีขอให้แพทยสภาตรวจสอบผลรายงานการชันสูตรของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากแพทยสภารับเรื่องร้องเรียน ก็ได้ส่งผลรายงานการชันสูตรดังกล่าวไปยังราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งประเทศไทย และได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญนิติวิทยาศาสตร์มาร่วมพิจารณาด้วย โดยการพิจารณานั้นตรวจสอบจากรายงานผลการชันสูตรที่ผ่านมาเท่านั้น ร่วมกับภาพถ่ายผู้เสียชีวิตเพียง 2 ภาพ คือ ภาพด้านหน้าส่วนบนและส่วนล่าง แต่ไม่มีภาพด้านข้างหรือด้านหลังเลย ทั้งนี้ จากผลรายงานการชันสูตรที่ทางญาติผู้เสียชีวิตมีข้อสงสัยมีประมาณ 7 ข้อ อาทิ หนังตาบนสองข้างมีเลือดออกเยื่อบุตาจนบวม มาจากอะไร ซึ่งพบว่าเกิดจากแรงกระแทกของของแข็ง ไม่มีคม ส่วนบาดแผลที่คาง เกิดจากรอยครูดของแข็ง และบริเวณลำคอนั้นพบว่ามีกระดูกหักข้อที่ 6 และ 7 ซึ่งพบว่ามาจากแรงกระแทกเช่นกัน โดยมาจากของแข็งที่ไม่มีคม ส่วนจะเป็นลักษณะใดไม่สามารถระบุได้ ต้องไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า โดยปกติหากถูกแรงกระแทกบริเวณคอจะส่งผลให้กระดูกข้อที่ 6 และ 7 หักหรือไม่ ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การเกิดอุบัติเหตุโดยปกติมักพบว่ากระดูกคอข้อที่ 2 และ 3 จะหักมากกว่า แต่หากจะกระทบไปถึงกระดูกคอข้อที่ 6 และ 7 จะเป็นลักษณะร่วมด้วยกันทั้งหมด ซึ่งอาจเกิดจากแรงเหวี่ยง หรือเกิดจากการกระแทกที่มาจากไหล่ร่วมก็เป็นได้ แต่ทั้งหมดไม่สามารถฟันธงว่าเป็นเพราะอะไร ต้องให้ญาตินำรายงานดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป ส่วนของแพทยสภาขณะนี้ถือว่าจบแล้ว ยกเว้นญาติต้องการร้องเรียนต่อในเรื่องการถ่ายภาพผู้เสียชีวิตเพื่อเก็บเป็นหลักฐานของนิติเวช ซึ่งมีจำนวนน้อยเกินไป ก็สามารถร้องมายังแพทยสภา เพื่อนำเข้าสู่คณะกรรมการจริยธรรมเพื่อพิจารณาว่าทางพยาธิแพทย์ที่ทำการเก็บหลักฐานภาพถ่ายได้ดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่
นางวันเพ็ญ กล่าวว่า จากการรวบรวมความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทำให้ครอบครัวค่อนข้างมั่นใจว่า การเสียชีวิตของนายชูวงษ์ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ทั้งหมด แต่จะนำข้อมูลที่ได้ส่งต่อไปกองปราบใน 2 - 3 วันนี้ เบื้องต้นยืนยันว่าจากการตรวจสอบภายในรถยนต์คันที่นายชูวงษ์นั่งไปประสบอุบัติเหตุนั้นไม่พบวัตถุของแข็งใด ๆ บนรถ และยืนยันว่ารถรุ่นดังกล่าวมีความปลอดภัยสูง
ด้าน นายเอนก กล่าวว่า จากผลการชันสูตรที่สามารถเปิดเผยได้ คือ กรณีหนังตาบน 2 ข้างช้ำ เลือดออกในเยื่อบุตา ความเห็นคือน่าจะมาจากแรงกระแทกจากของแข็ง ไม่มีคม บาดแผลที่คางก็เกิดจากการครูดจากวัตถุของแข็ง ส่วนบริเวณกระดูกคอซี่ที่ 6, 7 หักก็เกิดจากแรงกระแทกจากวัตถุของแข็ง โดยสรุปส่วนใหญ่แล้วที่เกิดจากแรงกระแรกจากภายนอกด้วยของแข็ง ไม่มีคม ที่จริงแล้วเป็นข้อมูลที่สอดคล้องกันมาตลอดเพียงแต่ตามใบมรณบัตรระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่ามาจากเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นใน สมองบวมจากการกระทบกระแทก คำว่ากระทบกระแทกก็หมายถึงจากวัตถุของแข็งไม่มีคม ถือว่าเป็นข้อมูลที่ดีที่สุด แต่ต้องเอาไปประกอบกับข้อมูลที่ได้จากการจำลองสถานการณ์การขับรถที่เลี้ยวขึ้นบริเวณทางเท้าแล้วไปชนกับต้นไม้ในระยะ 42 - 45 เมตร ในระดับลูกระนาดนั้นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กระดูกซี่คอซี่ที่ 6, 7 หักหรือไม่ และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่มีใครทราบว่าระหว่างเกิดเหตุนั้นใช้ความเร็วเท่าไร เพราะคนขับก็บอกว่าขับ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบ้าง ความเร็วอื่น ๆ บ้าง แต่จากการจำลองสถานการณ์ก็มีการทดลองใช้ความเร็วในหลายระดับ ทั้ง 30, 50, 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตรงนี้ผู้เชี่ยวชาญจะตอบได้ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่