ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ชุมชนริมคลองสร้างบ้านมั่นคง และเขื่อนป้องกันน้ำท่วม ยืนยันกองทัพพร้อมช่วยสนับสนุนโครงการและสร้างความเข้าใจกับชาวบ้าน แนะให้ กทม.ปักธงแสดงแนวเขื่อนเพื่อให้ชาวบ้านรู้เพื่อเตรียมรื้อบ้าน ขณะที่บริษัทรับเหมาเตรียมลงนามสัญญาจ้างและเริ่มสร้างเขื่อนภายในเดือนมกราคมนี้ ด้านสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สนับสนุนให้ชาวบ้านสร้างบ้านใหม่ภายในเดือนเมษายน ตั้งเป้าปี 2559 จำนวน 26 ชุมชน 3,810 หลัง ใช้งบ 1,400 ล้านบาท
วันนี้ (8 มกราคม 2559) พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบกและเสนาธิการ คสช.พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางมาที่ชุมชนริมคลองบางบัว เขตบางเขน เพื่อเยี่ยมชุมชนริมคลองและติดตามความคืบหน้าของนโยบายการจัดการสิ่งรุกล้ำลำน้ำสาธารณะของรัฐบาล เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ทั้งนี้การดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวจะต้องมีการรื้อย้ายบ้านเรือนที่รุกล้ำลำคลอง และจะมีการสร้างเขื่อนเพื่อระบายน้ำ โดยมีตัวแทนจาก กทม. และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) รายงานความคืบหน้าของโครงการ
พลเอก ธีรชัย กล่าวว่า กองทัพบกได้ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล เพื่อจะดูว่าโครงการจะดำเนินไปได้จริงหรือไม่ หรือมีอุปสรรคตรงไหน กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะสร้างบ้านได้หรือไม่ และ กทม. จะสร้างเขื่อนได้ไหม ถ้าชาวบ้านยังไม่เข้าใจก็จะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชี้แจงสร้างความเข้าใจกับชาวบ้าน ส่วนทหารและตำรวจก็จะลงพื้นที่เพื่อสนับสนุนการทำงานของพลเรือน รวมทั้งจะช่วยประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านด้วย หรือหากชาวบ้านมีความเดือดร้อนทหารก็จะต้องเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา
“โครงการนี้จะทำให้ชาวบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยคนที่อยู่ริมคลองก็จะต้องขยับขึ้นไปอยู่บนฝั่ง โดยมีการพัฒนาเรื่องที่อยู่อาศัย พื้นที่ส่วนไหนสามารถดำเนินการได้ก่อนก็ให้เริ่มดำเนินการ พื้นที่ที่ยังมีปัญหาก็จะดำเนินการทีหลัง การที่ประชาชนมาขอความช่วยเหลือให้ทหารช่วยรื้อย้ายบ้านนั้น ทหารก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ เรื่องการสร้างบ้านก็จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคม ทาง กทม.ก็จะต้องนำธงมาปักเป็นแนวเขตเพื่อให้ชาวบ้านรู้แนวเขื่อนที่ชัดเจน หากพื้นที่ใดอยู่ในแนวเขื่อนชาวบ้านก็จะได้เตรียมรื้อย้ายบ้าน และหากรื้อบ้านแล้วก็สามารถสร้างเขื่อนและบ้านได้เลย” ผบ.ทบ.กล่าว
ผบ.ทบ. ยังกล่าวด้วยว่า หากการดำเนินโครงการติดขัดตรงไหน เช่น การขอน้ำประปา ไฟฟ้า เพื่อก่อสร้างบ้านใหม่หากมีความล่าช้า หรือเกี่ยวพันกับหน่วยงานของรัฐวิสาหกิจหรือของราชการก็ขอให้บอกมา ทางกองทัพก็จะช่วยเร่งรัด หรือช่วยแก้ไขปัญหาเพื่อให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะรัฐบาลต้องเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก
นายพลากร วงค์กองแก้ว ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. กล่าวว่า พอช.ได้รับมอบหมายจากกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ให้จัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองตามโครงการบ้านมั่นคง เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาล ระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ. 2559 - 2561) มีเป้าหมาย 74 ชุมชน 11,004 ครัวเรือน มีผู้รับผลประโยชน์ 64,869 คน ใช้งบประมาณรวม 4,061 ล้านบาทเศษ โดยในปี 2559 จะเริ่มดำเนินการในคลองลาดพร้าวและคลองเปรมประชากรก่อน จำนวน 26 ชุมชน รวม 3,810 ครัวเรือน ใช้งบ 1,401 ล้านบาทเศษ
“ขณะนี้มีชุมชนที่เริ่มดำเนินการไปแล้ว เช่น ชุมชนบางบัวเชิงสะพานไม้ 1 เขตหลักสี่ กำลังก่อสร้างบ้านเฟสแรกจำนวน 28 หลัง ส่วนชุมชนอื่น ๆ คาดว่า จะเริ่มรื้อย้ายและก่อสร้างบ้านได้ภายในเดือนเมษายนนี้ ทั้งนี้ พอช. ได้สนับสนุนงบประมาณในการสร้างสาธารณูประโภคครัวเรือนละ 50,000 บาท ให้สินเชื่อสร้างบ้านครัวเรือนละไม่เกิน 300,000 บาท ระยะเวลา 15 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อปี รวมทั้งจะสนับสนุนการจัดหาที่อยู่อาศัยชั่วคราวระหว่างการก่อสร้างบ้านใหม่ โดยใช้ที่ดินของหน่วยงานรัฐหรือที่ดินของทหารเป็นต้น” ผอ.พอช. กล่าว
ขณะที่กลุ่มชาวชุมชนริมคลองในนามของเครือข่ายพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมคูคลองได้ยื่นหนังสือต่อผบ.ทบ.เพื่อขอให้ทางกองทัพบกช่วยประสานงานเพื่อให้การก่อสร้างบ้านใหม่ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากที่ผ่านมาติดขัดปัญหาความล่าช้า เช่น ขอให้ทางสำนักงานเขตลดขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้างบ้าน ให้การไฟฟ้า การประปา ช่วยรื้อถอนสิ่งที่เป็นอุปสรรคและก่อสร้างให้ใหม่โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ให้กรมธนารักษ์เร่งเรื่องการให้ชาวบ้านเช่าที่ดินสร้างบ้านื ช่วยคลี่คลายปัญหากลุ่มที่คัดค้านหรือมีผลประโยชน์ในชุมชน ฯลฯ
สำหรับการบริหารจัดการโครงการดังกล่าวนั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามแต่งตั้ง “คณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ” เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2558 โดยมี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน มี รมว.มหาดไทย, รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ, ผู้ว่าฯ กทม.เป็นรองประธาน ฯลฯ มีผู้บัญชาการทั้ง 4 เหล่าทัพ รวมทั้งปลัดกระทรวงต่างๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดกรอบแนวทาง มาตรการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดที่รุกล้ำลำคลอง
โครงการดังกล่าวในช่วงแรก (พ.ศ. 2559 - 2561) ประกอบด้วย การก่อสร้างเขื่อนคอนกรีต ค.ส.ล. และประตูระบายน้ำในคลองลาดพร้าว (คลองบางบัว - คลองถนน - คลองสอง) คลองบางซื่อ และคลองเปรมประชากร จากอุโมงค์เขื่อนยักษ์พระราม 9 - รามคำแหงไปยังประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ เขตสายไหม เพื่อระบายน้ำลงสู่แนวคลองด้านตะวันออก และลงสู่ทะเลต่อไป โดยมีรูปแบบเป็นเขื่อนคอนกรีต ความยาวเขื่อนทั้งสองฝั่งประมาณ 45 กิโลเมตร และประตูระบายน้ำ 1 แห่ง ระยะเวลาก่อสร้าง 1,260 วัน งบประมาณจำนวน 2,426 ล้านบาท ซึ่งบริษัท ริเวอร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ประมูลงานได้ในวงเงิน 1,645 ล้านบาท และจะมีการลงนามในสัญญาจ้างในวันที่ 14 มกราคมนี้
ส่วนหน่วยงานที่รับผิดชอบการก่อสร้างเขื่อนคือ กองระบบคลอง สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร และคาดว่าบริษัทรับเหมาจะเริ่มลงมือก่อสร้างเขื่อนในพื้นที่ที่มีความพร้อมก่อน เช่น ชุมชนเชิงสะพานไม้ 2 เขตหลักสี่ เนื่องจากชาวบ้านได้เริ่มรื้อย้ายบ้านเรือนและเริ่มก่อสร้างบ้านใหม่แล้ว ภายในเดือนมกราคม 2559 นี้