ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาทำเลเปิดร้านก็สามารถขายกาแฟได้ “Pop Up Cafe” ร้านกาแฟดีไซน์สุดล้ำภายในตู้คอนเทนเนอร์บนรถบรรทุก 6 ล้อ ฝีมือ 3 นักออกแบบรุ่นใหม่จากมหหาวิทยาลัยราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี จึงถือเป็นผลงานที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี มีความคิดสร้างสรรค์ จนคว้ารางวัลชนะเลิศในการประกวด Design Contest 2015 Season 6 Pacificwood The Power of Veneers ในชื่อผลงาน “Bon Voyage” มาครองได้ในที่สุด
ร้านกาแฟเคลื่อนที่ ไม่ง้อทำเลนี้ เป็นผลงานของนักศึกษาชั้นปีที่ 5 ภาควิชาสถาปัตยกรรมภายใน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี นำทีมโดย แป้ง - น.ส.ณัฐิญาพร ชื่นตา , เต้ย - นายศิวัช วชิรกุลฑล และ หวาน - น.ส.พัชรพร ผลแสงศรี
โดย น้องแป้ง กล่าวถึงผลงานร้านกาแฟเคลื่อนที่ Bon Voyage ว่า เริ่มต้นจากแนวคิด “ป๊อปอัพ คาเฟ่” ตามโจทย์ ซึ่งมองว่าเป็นร้านกาแฟที่สามารถเคลื่อนย้ายร้านไปขายตามสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ ไม่ต้องเช่าพื้นที่ขาย ในปัจจุบันเราเห็นธุรกิจในลักษณะนี้ค่อนข้างเยอะขึ้น ตามหัวเมืองหรือสถานที่ทั่วไปที่มีผู้คนสัญจรไปมา และยังกำหนดให้ออกแบบร้านกาแฟในตู้คอนเทนเนอร์ โดยใช้ไม้วีเนียร์เป็นวัสดุหลักในการตกแต่งภายใน
“เมื่อโจทย์มีความชัดเจน เป็นร้านกาแฟในตู้คอนเทนเนอร์ ในลักษณะป๊อปอัพ คาเฟ่ กลุ่มเป้าหมายหลักที่เหมาะกับร้านจึงเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างแนวฮิปสเตอร์ ดังนั้น เราจึงเปลี่ยนมุมมอง และฉีกรูปแบบร้านกาแฟในลักษณะเดิม ๆ ให้มีสีสัน มีกิจกรรม และมีเอกลักษณ์ของร้านมากยิ่งขึ้น เน้นสร้างบรรยากาศ อารมณ์ และโทนสีออกไปในโทนสีน้ำตาล เพื่อให้ดูกลมกลืนกับวัสดุไม้วีเนียร์ ซึ่งจะช่วยสร้างความอบอุ่น และให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ”
ด้าน น้องเต้ย กล่าวว่า ความแปลกและความแตกต่างเพื่อทำให้การออกแบบร้านกาแฟที่ตอบโจทย์ป๊อปอัพ คาเฟ่ และโดนใจกลุ่มเป้าหมายฮิปสเตอร์ ดังนั้น ร้านกาแฟในตู้คอนเทนเนอร์จึงต้องไม่ธรรมดา พื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ เหมือนยกร้านกาแฟมาไว้บนรถบรรทุก 6 ล้อ เพื่อให้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากมิวสิกวิดีโอเพลง Vacation Time ที่ประกอบภาพยนตร์เรื่องดัง ทำให้ฉีกกฎร้านกาแฟในรูปแบบเดิม สร้างเปลี่ยนมุมมองใหม่ในการดื่มกาแฟ เกิดความเคลื่อนไหวและมีชีวิตชีวาตลอดเส้นทางการเดินรถ
“ร้านกาแฟที่ออกแบบ จะมีด้วยกัน 2 ชั้น ชั้นแรกเรียกว่า Hipbar เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ ป๊อปอัพ ที่มีลักษณะเปิด - ปิด - เชื่อมต่อกันอย่างอิสระ เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานให้เกิดปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างและสามารถชมวิวไปในทิศทางข้างตัวรถเวลารถเคลื่อนที่ โดยพื้นผนังจะสร้างเป็นกรอบหรือเฟรมขนาดใหญ่ ทำให้เสมือนมองผ่านกล้อง เป็นการเปิดมุมมองเพิ่มความน่าสนใจ และดึงดูดคนที่เห็นจากภายนอกร้าน ยิ่งไปกว่านั้น จะให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าร้านได้ถูกจัดแสดงตลอดเวลาโดยมีธรรมชาติเป็นตัวกำหนด ส่วนชั้นที่สอง จะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ให้สามารถชมวิวได้ 180 องศา ผนังของชั้นนี้จะเป็นเฟรมของกล้องโพลาลอยด์ เวลารถเคลื่อนตัวก็จะให้อีกความรู้สึกหนึ่ง และจัดโซนที่นั่งให้เป็นกลุ่ม ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ได้อย่างหลากหลาย”
ส่วน น้องหวาน ช่วยอธิบายเพิ่มเติมว่า ร้านกาแฟ Bon Voyage จะวิ่งไปตามเส้นทางทั่วไป โดยกำหนดพื้นที่ขายหลัก คือ จังหวัดเชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร และภูเก็ต ด้วยกัน เพราะมีผลการศึกษามาแล้วว่าเป็นจังหวัดที่มีกลุ่มฮิปสเตอร์อยู่มากกว่าพื้นที่อื่น และร้านกาแฟที่ออกแบบนี้จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 30 - 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติระหว่างเส้นทาง ขณะที่รถกำลังวิ่ง ชูแนวคิด “Slow Drive” ซึ่งมีที่มาจาก Slow Life และ Driver เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าฮิปสเตอร์ ที่ชอบการถ่ายรูปและชื่นชมบรรยากาศรอบข้าง
ไอเดียบรรเจิด ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากตู้คอนเทนเนอร์ แปลกตาและแตกต่างจากร้านกาแฟ ป๊อปอัพ คาเฟ่ ทั่วไป เพราะตั้งอยู่บนรถบรรทุก ขณะเดียวกัน ภายในร้านยังเต็มไปด้วยพื้นที่รองรับและเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันการใช้งานอย่างอิสระ การดื่มกาแฟไปพลาง ๆ ทำงานศิลปะไปด้วย และได้นั่งรถชมบรรยากาศระหว่างทาง นับว่าเป็นการสร้างประสบการณ์และช่วยเติมความคิดให้โลดแล่น ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตฮิปสเตอร์ได้อย่างพอดิบพอดี
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
