xs
xsm
sm
md
lg

พบ 30 ย่าน กทม.เหมาะสมทำ “เมืองเดินได้-เดินดี” ไม่ง้อรถยนต์ ช่วยลดอ้วน เพิ่มรายได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพจาก www.goodwalk.org
สำรวจพบพื้นที่ กทม. กว่า 1.5 พันตารางกิโลเมตร มีเพียง 30 ย่าน หรือ 11% ที่เหมาะสมกับการทำเมืองเดินได้ ไม่ต้องง้อรถยนต์ “สยาม - ราชประสงค์ - สีลม - อโศก - พร้อมพงษ์” 5 ย่านเดินดีในอนาคตของ กทม. เร่งศึกษาอุปสรรคการเดิน คาด สำเร็จต้นปี 59 ก่อนดีไซน์ผังเมืองนำร่องสำหรับการเดิน 3 - 4 ย่าน อ.จุฬาฯ ย้ ำพื้นที่ส่งเสริมการเดิน ลดเสี่ยงอ้วน 10% รายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า

วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์   ผศ.ดร.นิรมล กุลศรีสมบัติ ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายหัวข้อ “การจัดเตรียมและออกแบบพื้นที่สุขภาวะ” ในการประชุมวิชาการด้านกิจกรรมทางกายระดับชาติ ครั้งที่ 1 จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่า ผู้สูงอายุถือเป็นตัวชี้วัดสุขภาวะของเมือง หากผู้สูงอายุยังสามารถออกมาใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะได้ สะท้อนว่าเมืองนั้นมีการออกแบบเมืองที่สะดวกต่อการเดินเท้า มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับเมืองน่าอยู่ที่สุดลำดับต้น ๆ ของโลก พบว่า ส่วนใหญ่จะเป็นเมืองที่เดินได้และเดินดี คือ ออกแบบเมืองให้มีความกระชับ สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ มีการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบผสมผสาน ที่อยู่ ที่กิน ที่ทำงาน ที่สาธารณะต่าง ๆ อยู่ในระยะเดิน ทำให้คนไปไหนมาไหนได้ด้วยการเดินเท้าหรือระบบขนส่งมวลชน เมืองเดินได้ - เมืองเดินดี จึงเป็นเป้าหมายของการออกแบบเมืองสุขภาวะ เพราะทำให้คนมีกิจกรรมทางกายเพิ่มมากขึ้น โดยมีผลวิจัยระบุว่า ประชากรที่อาศัยอยู่ในย่านที่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ มีพื้นที่สาธารณะใกล้บ้าน ช่วลลดโอกาสเสี่ยงอ้วนได้ถึง 10% และทำให้คนมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า เพราะคนเดินหรือขี่จักรยานจะมีโอกาสจับจ่ายใช้สอยง่ายและถี่กว่าคนขับรถยนต์ จึงเป็นการกระจายรายได้สู่ร้านค้ารายย่อย

ผศ.ดร.นิรมล กล่าวว่า สำหรับ กทม. มีการออกแบบเมืองที่ส่งเสริมสาธารณูปโภคที่เหมาะสมกับการขับรถ ออกแบบถนนที่เป็นมิตรกับคนขับรถยนต์ แต่ไม่ใช่ทางเท้า ทำให้การเดินเท้าต้องมีความระมัดระวังรถยนต์สูงมาก ไม่เหมือนในทวีปยุโรปที่สามารถเดินอ้อยอิ่งชมสถานที่ต่างๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองทำให้ขยายออกไปยังชานเมืองไม่รู้จบ ทั้งนี้ พบว่า ใน 1 ปี คน กทม.นั่งอยู่ในรถยนต์เฉลี่ยถึงคนละ 1 เดือน ขณะนี้ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง กำลังดำเนินโครงการ “Good Walk เมืองเดินได้-เมืองเดินดี” ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย สสส.เพื่อเปลี่ยนแปลงพื้นที่ กทม. ที่มีกว่า 1,500 ตารางกิโลเมตร ให้มีสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมต่อการเดิน โดยแบ่งระยะการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ คือ 1. กำหนดพื้นที่ยุทธศาสตร์ว่าจุดใดที่เหมาะสมกับการทำเมืองเดินได้เมืองเดินดี ซึ่งขณะนี้สามารถระบุได้แล้วว่ายานใดสามารถทำได้ โดยพบว่ามีอยู่ 30 ย่าน หรือประมาณ 11% ของพื้นที่ กทม. ทั้งหมดที่สามารถทำได้ เช่น ย่านสยาม - ปทุมวัน  ย่านราชประสงค์ - ประตูน้ำ  ย่านสีลม - สาทร ย่านอโศก - เพชรบุรี และย่านพร้อมพงษ์ เป็นต้น ถือเป็น 5 ย่านเดินดีในอนาคตของ กทม.

ผศ.ดร.นิรมล กล่าวว่า 2. ศึกษาสภาพแวดล้อมพื้นที่นั้นว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรที่ขัดขวางต่อการเดิน เช่น ขาที่ร่มเงาหรือไม่ มีสิ่งกีดขวาง ทางเท้ามีความสะดวกหรือไม่ เป็นต้น  ซึ่งขณะนี้การดำเนินงานยังอยู่ในระยะที่ 2 โดยคาดว่าจะศึกษาเสร็จสิ้นภายในต้นปี 2559 และ 3. วางแผนผัง หรือออกแบบเมืองเดินได้เมืองเดินดี โดยใช้ข้อมูลจากการศึกษาในระยะที่ 2 มาดำเนินการต่อ ซึ่งจะมีการเลือกพื้นที่นำร่องมาดำเนินการประมาณ 3 - 4 ย่าน โดยจะมีการประสานภาคีพัฒนาเพื่อผลักดันสู่การปฏิบัติจริง และเสนอต่อ กทม. เพื่อใช้เป็นพื้นที่นำร่องต้นแบบในการทำเป็นเมืองเดินได้ เมืองเดินดีในที่สุด

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น