xs
xsm
sm
md
lg

สสส.หลังวันปลด “โซ่ตรวน” กับงานสร้างเสริมสุขภาวะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นับแต่ สสส. ถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) ในประเด็นการใช้งบประมาณไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ หรือเกินไปกว่าขอบข่ายการสร้างเสริมสุขภาพ เมื่อปลายปี 2558 นำมาซึ่งการแช่แข็งงบประมาณ จนกระทบต่อโครงการที่ขอทุน สสส.กว่า 2,400 โครงการ และการเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ ต้องผ่านการสกรีนโดย คตร. ก่อน

การทำงานของ สสส. ในปี 2559 จึงถือเป็นปีที่วิกฤตพอสมควร เพราะเมื่อ “เม็ดเงิน” สะดุด การเดินหน้างานต่างๆ จึงเป็นไปอย่างล่าช้า แต่สุดท้ายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจสอบ คตร. ก็ปลดล็อกการเบิกจ่ายยงบประมาณต่างๆ ให้สามารถทำได้โดยสะดวก

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. สรุปถึงการทำงานในงานแถลงข่าวผลการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพปี 2559 และก้าวต่อไปของ สสส. เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า การทำงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 สสส. เหมือนถูกล่ามโซ่ตรวนไว้ที่เท้า แล้วบวกด้วยลูกตุ้ม ทำให้การเดินหน้างานเป็นไปอย่างลำบากและล่าช้า แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากการเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ เป็นไปตามระบบปกติ สสส.ก็เร่งเดินหน้าทำงานต่างๆ ร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อดำเนินโครงการต่างๆ ก็สามารถขับเคลื่อนงานต่างๆ ได้ตรงตามเป้าหมายทุกด้าน และการประเมินการทำงานและธรรมาภิบาลก็ออกมาอยู่ในระดับสูงมาก ขณะที่ผลการตรวจสอบ สสส. ก็ออกมาว่า ไม่มีการทุจริตหรือกระทำผิดระเบียบแต่อย่างใด แต่มีข้อเสนอเชิงปรับปรุงการทำงาน ซึ่ง สสส. ก็ดำเนินการปรับปรุงเพื่อให้สอดรับกับการประเมินผลต่างๆ

“สำหรับผลงานในปี 2559 สสส. สนับสนุนโครงการสร้างเสริมสุขภาพทั้งสิ้น 2,401 โครงการ โดยมีผู้รับทุนรายใหม่ 2,859 ราย/องค์กร แม้จะมีวิกฤตเรื่องการทำงานในช่วงครึ่งปีแรก แต่ก็มีผลงานเด่นหลากหลาย โดยในส่วนของการผลักดันนโยบายและกฎหมายด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ก็มีทั้งระดับชาติและท้องถิ่น รวมกว่า 40 นโยบาย ที่เด่นชัดและเป็นผลงานล่าสุด คือ พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. … ที่เพิ่งผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ใช้เวลากว่า 2 ปี นับตั้งแต่เสนอเข้าคณะรัฐมนตรี จนในที่สุดก็สำเร็จ ซึ่งกฎหมายนี้จะช่วยควบคุมการเข้าถึงบุหรี่ของเด็กและเยาวชนได้” ดร.สุปรีดา กล่าว

ขณะที่เรื่องพฤติกรรมสุขภาพต่างๆ ที่เป็นปัญหาหลักของประชากรไทย ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมเนือยนิ่ง การบริโภคผักผลไม้ที่ไม่เพียงพอ จนนำมาสู่การเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ฯลฯ ดร.สุปรีดา ระบุว่า สสส.ก็มีการสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องออกมาเพื่อช่วยปรับพฤติกรรมของคนไทย ที่มีความโดดเด่นอย่างมากในปี 2559 คือ เรื่องของการสนับสนุนส่งเสริมให้คนไทยมีกิจกรรมทางกายที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดพฤติกรรมเนือยนิ่งจากการนั่งทำงาน นั่งดูทีวี หรือการเล่นสมาร์ทโฟน เป็นต้น

“ที่ผ่านมา จะเน้นการส่งเสริมให้คนเล่นกีฬาและออกกำลังกาย แต่ปัจจุบันมีข้อมูลชัดเจนว่า การเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีความสัมพันธ์กับการมีกิจกรรมทางกายหรือการเคลื่อนไหวร่างกาย นั่นคือ ไม่ต้องถึงกับเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย เพียงแค่แต่ละวันมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่เพียงพอ ลดพฤติกรรมเนือยนิ่งลง ก็สามารถช่วยได้ ซึ่งปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการจัดประชุมนานาชาติว่าด้วยการส่งเสริมกิจกรรมทางกายและสุขภาพ ครั้งที่ 6 ส่งผลให้เกิดปฏิญญากรุงเทพและมีร่างแผนปฏิบัติการการมีกิจกรรมทางกายเกิดขึ้น ซึ่งจะมีการเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกครั้งที่ 71 ในปี 2561 เพื่อออกเป็นนโยบายในการให้ 100 กว่าประเทศทั่วโลกที่เป็นสมาชิกนำไปปฏิบัติใช้ ซึ่งถือว่าจะเป็นผลงานในระดับโลก แต่ส่วนผลงานที่เกิดขึ้นในประเทศ เมื่อมีการรายงานข้อมูลไปยังคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ได้เห็นความสำคัญ และมีนโยบายให้ส่วนราชการมีการส่งเสริมกิจกรรมทางกายและออกกำลังกายในทุกวันพุธ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ก็ขานรับและปฏิบัติตาม ทำให้คนทำงานเกิดการเคลื่อนไหวร่างกายที่เพิ่มมากขึ้น จนองค์การอนามัยโลกยกย่องให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย” ดร.สุปรีดา กล่าว

ดร.สุปรีดา กล่าวว่า ผลงานการสร้างเสริมสุขภาพและสุขภาวะของ สสส.ยังมีอีกมาก ทั้งโครงการเล็กและใหญ่ต่างๆ มากมาย ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดเจนเป็นรูปธรรม เช่น กิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2559 มีประชาชนเข้าร่วมกว่า 12 ล้านคน สามารถงดเหล้าได้ตลอดทั้ง 3 เดือนมากถึง 5.8 ล้านคน ช่วยประหยัดค่าซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึง 13,459 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บ่งชี้ความสำเร็จของการทำงานส่งเสริมสุขภาพของ สสส.ได้ดีที่สุดคือ การประเมินผลการทำงานโดยคณะกรรมการประเมินผลการทำงานของ สสส. ซึ่งแต่งตั้งโดย ครม. มี รศ.วรากรณ์ สามโกเศศ เป็นประธาน ซึ่งมีการประเมินการทำงานของ สสส. ผ่านตัวชี้วัดต่างๆ ทั้งด้านผลสัมฤทธิ์ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การเงิน การปฏิบัติการ และด้านทุนหมุนเวียน ซึ่งผลการดำเนินงานเฉลี่ยออกมาอยู่ที่ 4.56 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน ถือว่าสูงมาก และได้คะแนนเพิ่มขึ้นจากปี 2558 เกือบทุกด้าน ยกเว้นการตอบสนองจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อันเนื่องมาจากวิกฤตการตรวจสอบงบประมาณ ซึ่งส่งผลกระทบถึงการทำงานของภาคีเครือข่ายต่างๆ ดังนั้น เรียกได้ว่าการทำงานของ สสส. ถือประสบความสำเร็จ

“ขณะที่การประเมินผลด้านธรรมาภิบาลก็ชัดเจนว่าอยู่ในระดับที่สูงมากเช่นกัน สะท้อนถึงความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ขององค์กร โดย สสส. ได้คะแนนรวมเฉลี่ยด้านธรรมาภิบาล 8.78 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน นอกจากนี้ ยังได้รับการประเมินด้านคุณธรรมและความโปร่งใสการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐเป็นปีแรกจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ด้วย ก็ได้คะแนนร้อยละ 81.41 จนได้รับเกียรติบัตรองค์กรที่มีคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานระดับสูงมาก” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว

สำหรับการจับเคลื่อนงานของ สสส. ในปี 2560 นี้ ดร.สุปรีดา ระบุว่า ยังคงให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นปัญหาบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างเรื่องบุหรี่ก็จะเร่งสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ให้สามารถบังคับใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เร่งประสานการขับเคลื่อนการทำงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน

“สิ่งที่ สสส. ตั้งใจจะดำเนินการอย่างมาก คือ การยกระดับให้ สสส. ให้เป็นสถาบันการเรียนรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ (ThaiHealth Acadamy) โดยช้บทเรียนและประสบการณ์การทำงานของ สสส. กว่า 10 ปี มาพัฒนาเป็นองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อพัฒนาคนทำงานสร้างเสริมสุขภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสำเร็จภายในอีก 3 ปี” ดร.สุปรีดา กล่าว

แม้ สสส. จะถูกปลดโซ่ตรวนการทำงานลงแล้ว แต่ที่ยังต้องจับตาต่อไปคือ การแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการทำประชาพิจารณ์ ซึ่งจะมีการกำหนดเพดานงบประมาณของ สสส. อยู่ที่ 4,000 ล้านบาทต่อปี การฟรีซเพดานกองทุนไว้จะส่งผลกระทบต่อการทำงานในอนาคตหรือไม่ และจะมีการเปิดช่องให้สามารถปรับเพดานเพื่อให้สอรับกับภาวะเงินเฟ้อได้ทุกๆ กี่ปีหรือไม่ ก็คงต้องจับตาดูกันต่อ

กำลังโหลดความคิดเห็น