สาวฮ่องกงปิดปากไม่บอกแหล่งซื้อยาสมุนไพรปนเปื้อนสารหนู อย.ประสาน ก.ต่างประเทศขอข้อมูล พร้อมส่ง จนท.ก็บตัวอย่าง "ยาสมุนไพร-ยาแผนโบราณ" จากร้ายขายยาที่ทัวร์จีนนิยมลง ส่งตรวจมาตรฐานกรมวิทย์ "หมออภิชัย" เผยผลตรวจยาสมุนไพร 2 ปี ไม่พบเชื้อโรค สารโลหะหนักปน
จากกรณีกรมสุขภาพ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง แจ้งมายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าพบหญิงสาวชาวฮ่องกงอายุ 16 ปี มีอาการป่วยแขนขาชา หลังจากรับประทานยาแคปซูลสมุนไพรเพื่อรักษาอาการผื่นผิวหนังอักเสบที่ซื้อมาจากประเทศไทย โดยโรงพยาบาลตรวจพบปริมาณสารหนูในปัสสาวะเกินมาตรฐาน และตรวจพบสารหนูและปรอทในยาดังกล่าวด้วย
วันนี้ (22 ต.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวในงานแถลงข่าว "การควบคุมมาตรฐานยาไทย" ว่า รมว.สาธารณสุขได้กำชับให้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และตรวจสอบว่ายาดังกล่าวมีการผลิตในประเทศไทยจริงหรือไม่ เนื่องจาก สธ.มีนโยบายให้คนไทยได้ใช้ยาที่มีคุณภาพ ซึ่งถือเป็นการสร้างความมั่นคงด้านยาของประเทศ โดยสนับสนุนเรื่องของการใช้ภูมิปัญญาไทยและการแพทย์แผนไทย การวิจัยสมุนไพรไทย ซึ่งขณะนี้กรมพัฒนาการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ร่วมกันพัฒนาระบบการขึ้นทะเบียนยาไทย การตรวจวัตถุดิบและการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ในท้องตลาด การควบคุมมาตรฐานการแพทย์แผนไทย เพื่อสร้างความมั่นใจในยาสมุนไพร และบริการการแพทย์แผนไทย
ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า เรื่องนี้ อย. ได้ร่วมกับกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และกรมวิทย์ สืบสวนข้อมูล โดยประสานไปยังกรมสุขภาพฮ่องกง เพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับแจ้งว่าผู้ป่วยปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล ทำให้ยังไม่ทราบรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่ามีแหล่งจำหน่ายอยู่ที่ไหน จึงได้มีการประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอข้อมูลอย่างเป็นทางการ เพื่อสืบหาต้นตอการขาย เพราะถือเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมาก นอกจากนี้ ยังประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ช่วยดูว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยช่วงไหน และไปสถานพยาบาลใดมาบ้าง รวมถึงประสานกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้แจ้งบริษัททัวร์และไกด์ ให้แจ้งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย หากจะซื้อยาให้เลือกซื้อยาที่มีทะเบียนตำรับ จากร้านขายยาที่มีใบอนุญาต หากป่วยให้ไปยังโรงพยาบาลแะคลินิกที่มีใบอนุญาตเช่นกัน
"อย.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปยังร้านขายยาและคลินิกที่บริษัททัวร์จีนนิยมพานักท่องเที่ยวไปซื้อยา เพื่อเก็บตัวอย่างยาสมุนไพรและยาแผนโบราณ คาดว่ามีประมาณ 20 ตัวอย่าง เพื่อส่งตรวจยังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าได้มาตรฐานหรือไม่ ทั้งนี้ มาตรฐานของยาแผนโบราณที่ผลิตและขึ้นทะเบียนตำรับนั้น สถานที่ผลิตต้องได้รับการอนุญาตจาก อย. ไม่มีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ที่อาจก่อโรค และไม่มีการปนเปื้อนของโลหะหนักเกินมาตรฐานที่กำหนดในตำรายาสมุนไพรไทย คือ สารหนู ไม่เกิน 4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (มก./กก.) แคดเมียม ไม่เกิน 0.3 มก./กก. และตะกั่ว ไม่เกิน 10 มก./กก. ส่วนตำรับยาที่ใช้ทาภายนอก กำมะถันแดงหรือหรดาลจะต้องไม่เกินร้อยละ 5 ของปริมาณตัวยาทั้งหมด" รองเลขาธิการ อย. กล่าว
ด้าน นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ให้ประเทศไทยแก้ปัญหาเรื่องสมุนไพรอย่างจริงจัง แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่าซื้อมาจากที่ไหน และผลิตในประเทศไทยจริงหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือผลิตไม่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด ส่วนตัวอย่างยาสมุนไพรไทยและยาแผนโบราณที่ อย.เก็บจากร้านขายยาที่ทัวร์จีนนิยมไปซื้อนั้น ขณะนี้ยังมาไม่ถึงกรมฯ แต่จะเร่งดำเนินการตรวจสอบให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ยาสมุนไพรและยาแผนโบราณที่ผลิตได้มาตรฐานจีเอ็มพีนั้นรับประกันคุณภาพว่ามีความปลอดภัยสูง เพราะจากการเก็บตัวอย่างตรวจสอบยาสมุนไพรอย่างต่อเนื่อง 2 ปี คือปี 2557-2558 พบว่า ไม่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค และสารโลหะหนักก็ไม่เกินมาตรฐานที่กำหนด
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่