ภาวะหัวใจล้มเหลว เป็นภัยเงียบที่คนไทยน้อยคนนักจะรู้ตัวและรักษาได้ทันท่วงที ทั้งยังมีแนวโน้มของอุบัติการณ์ที่สูงขึ้นทั่วโลก โดยปัจจุบันมีประชากรทั่วโลกป่วยด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวประมาณ 26 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 46% ภายในปี พ.ศ. 2573 และมีข้อมูลว่าคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี 1 ใน 5 คนจะมีโอกาสเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต
สำหรับประเทศไทยแม้จะยังไม่มีข้อมูลที่ระบุความชุกให้ประชากรไทย แต่จากการเก็บข้อมูลผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวพบว่า ผู้ป่วยชาวไทยมีอายุเฉลี่ยที่ต่ำกว่าและป่วยมากกว่าผู้ป่วยในยุโรปและอเมริกา และจากข้อมูลในประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย ก็พบแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของภาวะหัวใจล้มเหลวในทิศทางเดียวกับโรคหัวใจและหลอดเลือดอื่น ๆ ดังนั้น การให้ความรู้ความเข้าใจต่อประชาชนเพื่อลดความเสี่ยงสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวจึงมีความสำคัญอย่างมาก
นพ.อภิชาต สุคนธสรรพ์ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และประธานโครงการอบรมทางวิชาการ Chiang Mai Cardiology Conference (CMCC) ได้ให้ข้อมูลภายในงานการประชุมวิชาการประจำปี 2558 “Evolution in Cardiovascular Medicine” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านหัวใจและหลอดเลือดอันเป็นประโยชน์ต่อการดูแลและรักษาผู้ป่วย ว่า ภาวะหัวใจล้มเหลวคือกลุ่มอาการที่เกิดจากหัวใจทำงานสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่เพียงพอหรือเกิดจากโครงสร้างกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ จนทำให้ขาดประสิทธิภาพในการบีบตัวของหัวใจ โดยลักษณะอาการจะต่างกันไปในแต่ละอวัยวะที่มีการไหลเวียนเลือดที่ไม่เพียงพอ ได้แก่ รู้สึกหายใจไม่ออก รู้สึกเพลียอ่อนแรง บวมที่ขาโดยเฉพาะเท้าและข้อเท้า หัวใจเต้นเร็ว - เต้นผิดจังหวะ ไอเรื้อรังหรือมีเสมหะที่มีเลือดปน น้ำหนักตัวขึ้นกะทันหันจากการบวมน้ำคั่งในร่างกาย เป็นต้น ทั้งยังรวมถึงผลข้างเคียงจากการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจขาดเลือดเฉียบพลันและความดันโลหิตสูง เป็นต้น
“จากลักษณะอาการต่าง ๆ ของภาวะหัวใจล้มเหลวนั้นได้ลดความสามารถในการทำกิจกรรมและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ดังนั้น ผู้ป่วยจึงต้องปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตและลดทอนความสามารถในการช่วยเหลือตนเองอีกด้วย อาทิ การทำงาน การออกกำลังกาย การเข้าสังคมกับเพื่อนและครอบครัว รวมถึงกิจกรรมทางเพศ จึงมักมีรายงานว่าผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวจะตกอยู่ในภาวะจะซึมเศร้าและความเครียดวิตกกังวล ด้วยเหตุนี้ครอบครัวจึงควรให้การดูแลผู้ป่วยทั้งด้านสุขภาพและจิตใจอย่างใกล้ชิด”
นพ.อภิชาต กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ภาวะหัวใจหัวใจล้มเหลวเป็นภัยเงียบที่ไม่ค่อยส่งสัญญาณอาการของโรคมากนัก ดังนั้น การสังเกตตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารเข้ารับการรักษาได้เร็วขึ้น ซึ่งสามารถตรวจสอบตนเองจากสัญญาณเตือนถึงภาวะหัวใจล้มเหลว ได้ดังนี้ 1. เริ่มหายใจติดขัด หายใจไม่ออก 2. มีอาการไอเรื้อรัง หรือมีเสียงขณะหายใจ 3. มีอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียได้ง่ายอย่างผิดปกติ 4. ขาดความรู้สึกอยากอาหาร หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียน 5. มีความรู้สึกสับสน มีความบกพร่องด้านการคิดวิเคราะห์ 6. หัวใจเต้นเร็วขึ้น โดยหากมีอาการตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป แม้ว่าจะยังไม่เคยเป็นโรคทางหัวใจและหลอดเลือดมาก่อนก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
“การหลีกเลี่ยงจากภาวะหัวใจล้มเหลวทำได้โดยการป้องกันตนเองจากความเสี่ยงต่าง ๆ ที่มีผลต่อการทำงานของหัวใจ ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โรคเบาหวาน การติดเชื้อไวรัส การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ความอ้วน ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ดังนั้น การปรับวิถีชิวิตเพื่อช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวจะช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้เป็นอย่างดี อาทิ การงดสูบบุหรี่ การควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด การออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม รวมทั้งการลดความเครียด” นพ.อภิชาต กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่