เลื่อนโครงการขยายนำร่องให้วัคซีนเอชพีวีเป็นปี 2560 เหตุขาดงบประมาณจาก สปสช. พบภาคเอกชนขาดแคลนวัคซีนเป็นระยะ ต้องปันส่วนจากรัฐ ชี้แผนยุทธศาสตร์วัคซีนต้องวางระยะยาว ร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน
นพ.จรุง เมืองชนะ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าการนำร่องโครงการให้วัคซีนเอชพีวี เพื่อป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก ใน จ. พระนครศรีอยุธยา เพื่อวิเคราะห์ผลการดำเนินการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินใจเรื่องการจัดทำงบประมาณ ว่า ขณะนี้โครงการแล้วเสร็จแล้ว แต่ตามแผนงานเดิมจะต้องมีการขยายจังหวัดนำร่องจาก 1 จังหวัด เป็น 10 จังหวัด แต่พบปัญหาคือ งบประมาณปี 2559 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไม่ได้บรรจุเรื่องดังกล่าวในการจัดทำงบประมาณขาขึ้น เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนแผนการให้วัคซีนป้องกันโปลิโอมาใช้วัคซีนชนิดฉีดแทนการหยอดรับประทาน ทำให้ต้องมีการเลื่อนการขยายจังหวัดโครงการนำร่องให้วัคซีนเอชพีวีออกไปเป็นปี 2560
นพ.จรุง กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์วัคซีนปัจจุบัน การสั่งซื้อวัคซีนพื้นฐานในภาครัฐยังคงไม่มีปัญหา แต่พบว่าในภาคเอกชนมักมีปัญหาขาดแคลนวัคซีนบางตัวเป็นระยะ และต้องปันส่วนไปจากของภาครัฐด้วย ซึ่งภาครัฐต้องดูแลไปพร้อม ๆ กัน อย่างไรก็ตาม การวางแผนยุทธศาสตร์วัคซีนจำเป็นต้องวางแผนระยะยาว โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนอาจต้องมีการวางแผนร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดการผลิตแข่งขันกันเอง เช่น ปัจจุบันพบว่าประเทศเวียดนามเริ่มหันมาวางแผนการผลิตวัคซีนพื้นฐานบางตัว ในอนาคตอาจต้องตกลงกันในการเป็นฐานการผลิตคนละสายการผลิตกัน เพราะการผลิตวัคซีนส่วนใหญ่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน จึงต้องสร้างตลาดให้สามารถส่งออกไปขายในภูมิภาคให้ได้ด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่