WHO ชี้ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังคร่าชีวิตคนอาเซียนกว่า 7.9 ล้านคนต่อปี ผนึกกำลัง สสส. เดินหน้าสร้างสุขภาพ พร้อมขยายกองทุนสุขภาพแบบ สสส. หวังคุมปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ อาหาร สร้างกิจกรรมทางกาย ลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
นพ.ฮานส์ ทรอดสัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ องค์การอนามัยโลก (WHO) สำนักงานใหญ่ กล่าวในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง WHO กับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระหว่างการประชุมคณะกรรมการภูมิภาคขององค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 68 ที่กรุงดีลี ประเทศติมอร์ เลสเต ว่า WHO สำนักงานใหญ่ และ สสส. เห็นชอบร่วมกันในข้อตกลงความร่วมมือขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพระดับสากล เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยเล็งเห็นศักยภาพของ สสส. ที่เป็นผู้นำแนวหน้าด้านการสร้างเสริมสุขภาพในระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการที่คุ้มค่าและมีประสิทธิผลที่สุดในการสาธารณสุข WHO มีความยินดีในความร่วมมือครั้งนี้ ที่มีกลไกหลักคือการแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ของ สสส. และภาคีเครือข่ายของไทย ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ไปสู่นานาชาติ
“สสส. เป็นผู้นำแนวหน้าด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ไม่ใช่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่ในระดับนานาชาติ สสส. ได้แสดงให้โลกได้เห็นว่า นวัตกรรม และกลไกทางการเงินที่ยั่งยืน สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ อาทิ การควบคุมการบริโภคสุราและยาสูบ ไม่ใช่แต่เฉพาะในประเทศรายได้สูง แต่สามารถทำได้ในประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ มุ่งเน้นเรื่องการตอบสนองต่ออันตรายจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การส่งเสริมกิจกรรมทางกาย และนโยบายการคลังเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ” นพ.ฮานส์ กล่าว
พญ.พูนาม เคตราปาล ซิงห์ ผู้อำนวยการใหญ่ องค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า อัตราการเสียชีวิตของประชากรในภูมิภาคที่มาจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง คิดเป็นสัดส่วนถึง 62% ของการเสียชีวิตทั้งหมด มีจำนวนกว่า 7.9 ล้านคนต่อปี และที่น่าเศร้าเป็นอย่างยิ่ง คือ โรคเหล่านี้กำลังคุกคามประชากรที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ทั้ง ๆ ที่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ โดยประชากรในภูมิภาคนี้มีพฤติกรรมเสี่ยงมาจาก 4 ปัจจัยหลัก คือ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และขาดกิจกรรมทางกาย สสส. เป็นผู้นำของภูมิภาคในการจัดการปัจจัยเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และเป็นแบบอย่างในระดับนานาชาติในด้านกลไกการสร้างเสริมสุขภาพ มีรายได้จากภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ (earmarked tax) ที่มาจากธุรกิจสินค้าทำลายสุขภาพอย่างบุหรี่และสุรา ซึ่งกลไกการเงินการคลังลักษณะนี้ทั่วโลกให้การยอมรับว่าเป็นกลไกที่ยั่งยืน การทำงานต่อจากนี้ สสส. จะช่วยวางรากฐานการพัฒนาศักยภาพการสร้างเสริมสุขภาพและการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทพ. กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า ครั้งนี้ สสส. ได้ร่วมลงนามความร่วมมือ 2 ฉบับ คือ 1. ความร่วมมือกับองค์กรอนามัยโลก สำนักงานใหญ่ ขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพระดับสากล ในเรื่อง การตอบสนองต่ออันตรายจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศกำลังพัฒนา ขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมกิจกรรมทางกาย และศึกษาวิจัยนโยบายการคลังเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ และ 2. ความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างความเข้มแข็งการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังใน 11 ประเทศสมาชิกภูมิภาคเอเชียงตะวันออกเฉียงใต้ โดยดำเนินงานให้บรรลุผลในปี 2558 - 2560 สสส. จะผลักดันการสร้างกลไกการสร้างเสริมสุขภาพให้แก่ประเทศสมาชิก เพิ่มจำนวนองค์กร หรือผู้นำสร้างเสริมสุขภาพ สร้างนวัตกรรมและนโยบายการสร้างเสริมสุขภาพในระดับนานาชาติ ทั้งนี้ บุคลากรสร้างเสริมสุขภาพของไทย จะมีโอกาสได้พัฒนาศักยภาพมากขึ้น
“สสส. มีความยินดีที่จะสนับสนุนการพัฒนากลไกที่ยั่งยืนเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ ตลอดจนแบ่งปันและถ่ายทอดนวัตกรรมและองค์ความรู้ด้านการจัดการปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังสู่นานาประเทศ หลังการได้ขับเคลื่อนงานด้านนี้ร่วมกับภาคีเครือข่ายในประเทศไทยมากว่า 14 ปี โดยเชื่อมั่นว่าผลจากความร่วมมือครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาความเข้มแข็งของการขับเคลื่อนงานเชิงรุกด้านการสร้างเสริมสุขภาพ โดยเฉพาะผลกระทบจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก” ผจก. สสส. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่