“หมอประกิต” หนุนอัยการสูงสุดเร่งฟ้องคดีฟิลลิป มอร์ริส แจ้งราคาต่ำกว่าความเป้นจริง หวังเลี่ยงภาษี ทำโรงงานยาสูบเสียส่วนแบ่งการตลาด
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า สนับสนุนให้อัยการสูงสุดทำความจริงให้ปรากฏด้วยการเร่งส่งฟ้องคดีที่บริษัทบุหรี่ฟิลลิป มอร์ริส แจ้งราคานำเข้าบุหรี่ต่ำกว่าราคาที่แท้จริง เพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษี ทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้ที่พึงจะเก็บได้ ที่สำคัญ การแจ้งราคาต้นทุนต่ำกว่าความเป็นจริงทำให้เสียภาษีน้อยลงจึงขายได้ในราคาที่ต่ำลง ทำให้ราคาขายปลีกของบุหรี่นำเข้าใกล้เคียงกับบุหรี่ของโรงงานยาสูบ ทำให้โรงงานยาสูบเสียส่วนแบ่งตลาดให้แก่บุหรี่ของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ไปแล้วในขณะนี้ ถึงร้อยละ 29 ในขณะที่บริษัทนี้มีกำไรนำเงินออกจากประเทศไทยจากการขายบุหรี่ปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ศาลในสหรัฐอเมริกาเคยมีคำตัดสินว่าบริษัทบุหรี่ฟิลลิป มอร์ริส กระทำความผิดกฎหมายต่อต้านองค์กรทุจริตผู้มีอิทธิพล หรือเรียกค่าคุ้มครอง (RICO ACT) ซึ่งเทียบได้กับกฎหมายความผิดฐานอั้งยี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 ของไทยด้วยการทำให้สังคมเข้าใจผิดถึงอันตรายของการสูบบุหรี่ และอันตรายของการได้รับควันบุหรี่มือสอง บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอำนาจการเสพติดของนิโคติน ปรับระดับนิโคตินในบุหรี่ เพื่อให้เสพติดง่ายขึ้น มากขึ้น หลอกลวงว่าบุหรี่รสอ่อนหรือทาร์ต่ำปลอดภัยกว่า และพุ่งเป้าการตลาดไปที่เยาวชน
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า สหภาพยุโรปฟ้องศาลว่าบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุหรี่เถื่อนในปี พ.ศ. 2547 บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล ยอมความก่อนการตัดสินของศาล โดยการเซ็นสัญญาที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับระบบป้องกันบุหรี่หนีภาษีที่มีประสิทธิภาพ และฟิลลิป มอร์ริส ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1,250 ล้านดอลลาร์ (400,000 ล้านบาท) ในระยะเวลา 12 ปีและฟิลลิป มอร์ริส จะได้รับโทษปรับ หากพบว่า มีบุหรี่ของฟิลลิป มอร์ริส ลักลอบเข้าสู่อียู อีกทั้งบริษัทบุหรี่มีความน่าเชื่อถือต่ำที่สุดในบรรดาธุรกิจยี่สิบห้าประเภท จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคแปดหมื่นคนจาก 32 ประเทศ รัฐบาลจึงไม่ควรที่จะเกรงใจบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า สนับสนุนให้อัยการสูงสุดทำความจริงให้ปรากฏด้วยการเร่งส่งฟ้องคดีที่บริษัทบุหรี่ฟิลลิป มอร์ริส แจ้งราคานำเข้าบุหรี่ต่ำกว่าราคาที่แท้จริง เพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษี ทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้ที่พึงจะเก็บได้ ที่สำคัญ การแจ้งราคาต้นทุนต่ำกว่าความเป็นจริงทำให้เสียภาษีน้อยลงจึงขายได้ในราคาที่ต่ำลง ทำให้ราคาขายปลีกของบุหรี่นำเข้าใกล้เคียงกับบุหรี่ของโรงงานยาสูบ ทำให้โรงงานยาสูบเสียส่วนแบ่งตลาดให้แก่บุหรี่ของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ไปแล้วในขณะนี้ ถึงร้อยละ 29 ในขณะที่บริษัทนี้มีกำไรนำเงินออกจากประเทศไทยจากการขายบุหรี่ปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ศาลในสหรัฐอเมริกาเคยมีคำตัดสินว่าบริษัทบุหรี่ฟิลลิป มอร์ริส กระทำความผิดกฎหมายต่อต้านองค์กรทุจริตผู้มีอิทธิพล หรือเรียกค่าคุ้มครอง (RICO ACT) ซึ่งเทียบได้กับกฎหมายความผิดฐานอั้งยี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 ของไทยด้วยการทำให้สังคมเข้าใจผิดถึงอันตรายของการสูบบุหรี่ และอันตรายของการได้รับควันบุหรี่มือสอง บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอำนาจการเสพติดของนิโคติน ปรับระดับนิโคตินในบุหรี่ เพื่อให้เสพติดง่ายขึ้น มากขึ้น หลอกลวงว่าบุหรี่รสอ่อนหรือทาร์ต่ำปลอดภัยกว่า และพุ่งเป้าการตลาดไปที่เยาวชน
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า สหภาพยุโรปฟ้องศาลว่าบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุหรี่เถื่อนในปี พ.ศ. 2547 บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล ยอมความก่อนการตัดสินของศาล โดยการเซ็นสัญญาที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับระบบป้องกันบุหรี่หนีภาษีที่มีประสิทธิภาพ และฟิลลิป มอร์ริส ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1,250 ล้านดอลลาร์ (400,000 ล้านบาท) ในระยะเวลา 12 ปีและฟิลลิป มอร์ริส จะได้รับโทษปรับ หากพบว่า มีบุหรี่ของฟิลลิป มอร์ริส ลักลอบเข้าสู่อียู อีกทั้งบริษัทบุหรี่มีความน่าเชื่อถือต่ำที่สุดในบรรดาธุรกิจยี่สิบห้าประเภท จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคแปดหมื่นคนจาก 32 ประเทศ รัฐบาลจึงไม่ควรที่จะเกรงใจบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
