สธ. เร่งพัฒนาระบบบริการสาขาอุบัติเหตุ หลังพบแนวโน้มยังเพิ่มขึ้น จัดระบบดูแลก่อนถึงโรงพยาบาล พร้อมให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำห้องฉุกเฉิน เพิ่มช่องทางด่วนสำหรับผู้บาดเจ็บ ช่วยผู้ป่วยได้ผ่าตัดภายใน 2 ชั่วโมง
วันนี้ (8 ส.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดอาคารอุบัติเหตุ โรงพยาบาลบางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 60 เตียง ได้รับงบประมาณ 25 ล้านบาทเศษ จาก สธ. ก่อสร้าง แบ่งพื้นที่เป็นห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ห้องตรวจโรค ห้องรังสีวิทยา ห้องชันสูตรโรค ห้องประชุมและจุดบริการประชาชน เพื่อให้บริการตรวจรักษาประชาชนในอำเภอบางน้ำเปรี้ยว และใกล้เคียงเกือบ 1 แสนคน รวมทั้งรองรับผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เนื่องจากตั้งอยู่ในเส้นทางที่รถขนส่งสินค้าจากภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มายังภาคตะวันออก ปริมาณรถหนาแน่น เกิดอุบัติเหตุค่อนข้างบ่อย โดยในปี 2557 มีผู้เข้ารับบริการแผนกผู้ป่วยนอก 1.3 แสนกว่าครั้ง
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า งานบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉิน เป็นด่านหน้าที่มีความสำคัญของโรงพยาบาลทุกแห่ง เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤตรวดเร็ว ปลอดภัยลดความพิการ ข้อมูลจากศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉินในปี 2555 พบผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉินเข้ารักษาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศจำนวน 24 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2544 ที่มีเพียง 12 ล้านครั้ง และข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุขในปี 2556 มีผู้ป่วยอุบัติเหตุจากการขนส่งเข้ารับบริการที่แผนกผู้ป่วยนอก 1 ล้านกว่าคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุบัติเหตุยังคงเป็นปัญหาสำคัญของไทย โดยเฉพาะอุบัติเหตุทางจราจรที่มีอัตราการเสียชีวิต 38 ต่อประชากรแสนคน สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“สธ. จึงได้เร่งพัฒนาระบบบริการ สาขาอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ดังนี้ 1. มีระบบจัดเก็บข้อมูลผู้บาดเจ็บ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุและอัตราการตาย 2. จัดตั้งเครือข่ายการให้บริการผู้บาดเจ็บระดับจังหวัด เขตสุขภาพและประเทศ 3. จัดระบบการดูแลผู้บาดเจ็บก่อนถึงโรงพยาบาล (Pre-hospital) ดูแลผู้บาดเจ็บที่จุดเกิดเหตุ ให้ผู้บาดเจ็บฉุกเฉินได้รับการช่วยเหลือโดยระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินเพิ่มขึ้น และนำส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลอย่างปลอดภัยด้วยรถพยาบาลที่มีมาตรฐาน 4. จัดระบบเครือข่ายการให้บริการผู้บาดเจ็บสมองที่มีความรุนแรงระดับปานกลางถึงรุนแรง และผู้บาดเจ็บหลายระบบ 5. จัดระบบเครือข่ายการดูแลฟื้นฟูผู้บาดเจ็บเมื่อพ้นภาวะวิกฤต ระดับจังหวัดและเขตสุขภาพ โดยทำงานเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงตั้งแต่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลจังหวัด” ปลัด สธ. กล่าว
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้พัฒนาระบบบริการในโรงพยาบาล (In-hospital) จัดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำห้องฉุกเฉิน และระบบการให้คำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ช่วยให้ผู้บาดเจ็บได้รับการดูแลรวดเร็ว จัดช่องทางด่วนรองรับโรคที่เร่งด่วนเช่นโรคหัวใจ บาดเจ็บรุนแรง ผลการดำเนินการ สามารถเพิ่มระบบช่องทางด่วนสำหรับผู้ป่วยบาดเจ็บ (Trauma Fast Track) ในสถานบริการทุกเครือข่าย โดยเฉพาะผู้บาดเจ็บสมอง (Head Injury) และบาดเจ็บหลายระบบ (Multiple Injury) ทำให้ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดภายใน 2 ชั่วโมง หลังจากส่งผู้ป่วยถึงห้องผู้ป่วยฉุกเฉินได้กว่าร้อยละ 80 รวมทั้งได้เพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปในภูมิภาค โดยมีศัลยแพทย์ที่สามารถผ่าตัดสมองได้ 51 แห่ง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (8 ส.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดอาคารอุบัติเหตุ โรงพยาบาลบางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 60 เตียง ได้รับงบประมาณ 25 ล้านบาทเศษ จาก สธ. ก่อสร้าง แบ่งพื้นที่เป็นห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ห้องตรวจโรค ห้องรังสีวิทยา ห้องชันสูตรโรค ห้องประชุมและจุดบริการประชาชน เพื่อให้บริการตรวจรักษาประชาชนในอำเภอบางน้ำเปรี้ยว และใกล้เคียงเกือบ 1 แสนคน รวมทั้งรองรับผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เนื่องจากตั้งอยู่ในเส้นทางที่รถขนส่งสินค้าจากภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มายังภาคตะวันออก ปริมาณรถหนาแน่น เกิดอุบัติเหตุค่อนข้างบ่อย โดยในปี 2557 มีผู้เข้ารับบริการแผนกผู้ป่วยนอก 1.3 แสนกว่าครั้ง
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า งานบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉิน เป็นด่านหน้าที่มีความสำคัญของโรงพยาบาลทุกแห่ง เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤตรวดเร็ว ปลอดภัยลดความพิการ ข้อมูลจากศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉินในปี 2555 พบผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉินเข้ารักษาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศจำนวน 24 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2544 ที่มีเพียง 12 ล้านครั้ง และข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุขในปี 2556 มีผู้ป่วยอุบัติเหตุจากการขนส่งเข้ารับบริการที่แผนกผู้ป่วยนอก 1 ล้านกว่าคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุบัติเหตุยังคงเป็นปัญหาสำคัญของไทย โดยเฉพาะอุบัติเหตุทางจราจรที่มีอัตราการเสียชีวิต 38 ต่อประชากรแสนคน สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“สธ. จึงได้เร่งพัฒนาระบบบริการ สาขาอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ดังนี้ 1. มีระบบจัดเก็บข้อมูลผู้บาดเจ็บ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุและอัตราการตาย 2. จัดตั้งเครือข่ายการให้บริการผู้บาดเจ็บระดับจังหวัด เขตสุขภาพและประเทศ 3. จัดระบบการดูแลผู้บาดเจ็บก่อนถึงโรงพยาบาล (Pre-hospital) ดูแลผู้บาดเจ็บที่จุดเกิดเหตุ ให้ผู้บาดเจ็บฉุกเฉินได้รับการช่วยเหลือโดยระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินเพิ่มขึ้น และนำส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลอย่างปลอดภัยด้วยรถพยาบาลที่มีมาตรฐาน 4. จัดระบบเครือข่ายการให้บริการผู้บาดเจ็บสมองที่มีความรุนแรงระดับปานกลางถึงรุนแรง และผู้บาดเจ็บหลายระบบ 5. จัดระบบเครือข่ายการดูแลฟื้นฟูผู้บาดเจ็บเมื่อพ้นภาวะวิกฤต ระดับจังหวัดและเขตสุขภาพ โดยทำงานเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงตั้งแต่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลจังหวัด” ปลัด สธ. กล่าว
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้พัฒนาระบบบริการในโรงพยาบาล (In-hospital) จัดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำห้องฉุกเฉิน และระบบการให้คำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ช่วยให้ผู้บาดเจ็บได้รับการดูแลรวดเร็ว จัดช่องทางด่วนรองรับโรคที่เร่งด่วนเช่นโรคหัวใจ บาดเจ็บรุนแรง ผลการดำเนินการ สามารถเพิ่มระบบช่องทางด่วนสำหรับผู้ป่วยบาดเจ็บ (Trauma Fast Track) ในสถานบริการทุกเครือข่าย โดยเฉพาะผู้บาดเจ็บสมอง (Head Injury) และบาดเจ็บหลายระบบ (Multiple Injury) ทำให้ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดภายใน 2 ชั่วโมง หลังจากส่งผู้ป่วยถึงห้องผู้ป่วยฉุกเฉินได้กว่าร้อยละ 80 รวมทั้งได้เพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปในภูมิภาค โดยมีศัลยแพทย์ที่สามารถผ่าตัดสมองได้ 51 แห่ง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่