ฉะเชิงเทรา - อบจ.แปดริ้ว ขนน้ำใส่รถบรรทุกช่วยชาวคลอง 16 พร้อมแจงเคยจัดงบขุดลอกคลองแต่เกิดปัญหาในการใช้งบประมาณที่อาจซ้ำซ้อนกันระหว่าง 2 หน่วยงาน ทำโครงการต้องยุติ ด้านชาวบ้านแฉชลประทานเจ้าของพื้นที่เคยจัดงบเข้ามาดำเนินการขุดลอกแล้ว แต่ในสายตาชาวบ้านไม่พบความเปลี่ยนแปลง
วันนี้ (27 พ.ค.) นายประสิทธิ์ ตันเจริญ รองนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ได้นำรถบรรทุกน้ำจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา บรรทุกขนส่งน้ำจืดเข้ามาให้การช่วยเหลือชาวบ้านในเขตพื้นที่ ต.ดอนฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค หลังจากลำคลองตลอดสายแห้งเหือด ขอดลงมาเป็นเวลานานเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา
โดย นายประสิทธิ์ กล่าวว่า หลังประชาชนชาวคลอง 16 ได้ร้องขอความช่วยเหลือไป จึงได้จัดรถบรรทุกน้ำจากทาง อบจ.ฉะเชิงเทรา ให้เข้ามาทำการช่วยเหลือชาวบ้าน เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ ตลอดจนน้ำที่จะใช้ในการเลี้ยงสัตว์ วัว ควาย ส่วนปัญหาการขาดแคลนน้ำของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณริมคลอง 16 นั้น เกิดจากปัญหาลำคลองตื้นเขิน เนื่องจากในการขุดลอกนั้นติดปัญหาที่บริเวณปากคลองนั้นเป็นชุมชนตลาดคลอง 16 จึงไม่สามารถทำการขุดลอกได้โดยสะดวก
ที่ผ่านมา ทางสำนักงาน อบจ.ได้เคยจัดงบประมาณเข้ามาทำการขุดลอกคลองให้แก่ชาวบ้าน แต่ทราบว่า ทางสำนักงานชลประทานรังสิตใต้นั้น ก็ได้มีการจัดสรรงบประมาณในการเข้ามาทำการขุดลอกเช่นเดียวกัน จึงอาจจะทำให้เกิดการจัดสรรงบประมาณที่ซ้ำซ้อนกัน จนต้องยุติงบประมาณของทางด้านสำนักงาน อบจ.ฉะเชิงเทรา ไป
แต่หลังจากทางสำนักงานชลประทานรังสิตใต้ ได้เข้ามาทำการขุดลอกคลองผ่านไปแล้วนั้น น้ำที่ได้รับการปล่อยระบายลงมาจากทางด้านคลองหกวาก็ยังไม่สามารถไหลเข้าสู่คลอง 16 ได้ เนื่องจากชาวบ้านพบว่า การขุดลอกคลองในช่วงที่ผ่านมานั้นไม่ได้ขนาด หรือไม่ได้ทำการขุดลอกไปจนตลอดต่อเนื่องไปทั้งลำคลอง โดยการดำเนินการที่ผ่านมานั้นหน่วยงานที่ได้เข้ามาทำการขุดลอกนั้น ได้ทำการขุดแบบเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่ภายในลำคลองเป็นจุดๆ ไป และหลังน้ำแห้งลงลำคลองก็กลับมาอยู่ในสภาพที่ตื้นเขินตามเดิม
ขณะที่ในหน้าแล้งชาวคลอง 16 นั้นต่างได้รับความเดือดร้อนจากสภาพของปัญหาการขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค รวมถึงขาดแคลนน้ำในด้านการประกอบอาชีพทำนา แต่พอถึงในฤดูน้ำ น้ำกลับท่วมขังได้ง่าย คล้ายกับเป็นแกล้มลิงสำหรับรองรับน้ำจากการปล่อยระบายลงมาจากทางภาคกลางตอนบน ชาวบ้านจึงได้รับความเดือดร้อนทั้งจากภัยแล้ง และปัญหาน้ำท่วมในทุกๆ ปีที่ผ่านมา
ด้าน นายสมศักดิ์ สนูโด๊ะ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/2 ม.14 ต.ดอนฉิมพลี กล่าวว่า เกษตรกรชาวนานั้นมีเวลาในการทำนาจำกัด โดยต้องทำให้ทันเวลา หรือตรงกันกับฤดูกาลที่จะได้ผลผลิต เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องของภัยแล้ง และน้ำท่วม โดยถ้าหากลงมือทำนาล่าช้าเกินไปหรือล่วงเลยไปจนถึงช่วงเดือน มิ.ย.หรือ ก.ค.ก็ต้องไปเก็บเกี่ยวข้าวกันในช่วงปลายปี ก.ย.-ต.ค. ที่มักจะเกิดปัญหาน้ำท่วมจนนาข้าวเสียหายเพราะเป็นช่วงของฤดูน้ำหลากที่มีการปล่อยน้ำลงมาจากทางเขื่อนเจ้าพระยาในแถบภาคกลาง
โดยในช่วงฤดูกาลทำนาในช่วงของเดือน พ.ค.กลับไม่มีน้ำให้ทำนา ทั้งที่เป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการของชลประทานรังสิตใต้ แล้วอย่างนี้จะให้ชาวบ้านไปทำอะไรกินกันตอนไหนจึงจะได้ผลผลิต เพราะพอถึงช่วงทำกินกลับไม่มีน้ำให้ทำ และพอถึงช่วงจะเก็บเกี่ยวข้าวกับถูกน้ำท่วม
