ฉะเชิงเทรา - ผู้นำหมู่บ้าน และชุมชนดึงชาวบ้านตำบลโยธะกา แปดริ้ว เดินหน้าต่อสู้เรียกร้องขอที่ดินทำกินให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย หลังฝ่ายทหารเรือยังคงเดินหน้าขับไล่พ้นพื้นที่ พร้อมสั่งห้ามชาวบ้านลงมือประกอบอาชีพทำกินในพื้นที่
วันนี้ (30 เม.ย.) นายธีรพล อุทัยพันธุ์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/2 ม.3 ต.โยธะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา กำนันตำบลโยธะกา กล่าวถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านรวม 4 หมู่บ้าน ในตำบลโยธะกา ที่กำลังเดือดร้อนจากกรณีหน่วยทหารเรือเกษตรกรรมโยทะกา ได้เข้ามาขอคืนพื้นที่ทำกินจากชาวบ้านที่เคยใช้ทำกินมานานตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษนับร้อยปีกว่า 4 พันไร่ว่า ขณะนี้ตนได้พยายามดึงชาวบ้านให้เข้ามาอยู่ในกรอบ มาทำตามระบบราชการ โดยให้ทำหนังสือร้องเรียนเป็นไปตามลำดับขั้น ทั้งทางอำเภอ จังหวัด และส่งไปยังส่วนกลาง
โดยชวนชาวบ้านที่กำลังเดินหน้าต่อสู้นั้น ต่อสู้ด้วยความสงบ เพราะหากจะสู้กันด้วยความรุนแรงคงไม่เกิดผลดี จึงได้พยายามชวนผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) ให้ช่วยกันดึงชาวบ้านให้มาอยู่ในกรอบของกฎหมาย ทำตามระเบียบราชการในการขอความเป็นธรรม
แต่ถ้าหากทางฝ่ายทหารจะขับไล่ชาวบ้านออกไปจากพื้นที่นั้นก็ขอให้มีมาตรการในการรองรับ เนื่องจากชาวบ้านแต่ละรายนั้นล้วนมีเงื่อนไขของตนเองอยู่ โดยที่ผ่านมา ยังไม่พบว่าทหารได้เข้ามาใช้ความรุนแรงต่อชาวบ้าน มีเพียงการเข้ามาเจรจาสอบถามว่าจะอยู่ หรือจะไปกันอย่างไร พร้อมบอกกล่าวขอให้ออกไปจากพื้นที่ด้วยวาจา
ขณะที่ชาวบ้านได้ยื่นข้อร้องเรียน และความต้องการไปแล้วประมาณ 3-4 ข้อคือ หากจะไล่ก็ขอให้จัดสรรที่ดินทำกินให้ใหม่ โดยขอให้มาทำข้อตกลงร่วมกัน แต่หากจะมาขับไล่ชาวบ้านออกไปทั้งหมดรวมทั้ง 4 หมู่บ้าน ก็คงเป็นเรื่องยากเพราะแต่ละคนนั้นล้วนเกิดที่นี่ และอยู่ที่นี่มานาน
ที่ผ่านมา ได้เคยเดินทางไปร้องเรียนผ่านทางสื่อ ไปร้องเรียนยังศูนย์ดำรงธรรม ไปร้องเรียนที่กองทัพเรือ เพื่อขอให้ได้รับสิทธิ และความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐบาล ในด้านการประกอบอาชีพ รวมถึงสิทธิในการทำกิน และที่อยู่อาศัยที่กำลังจะถูกทหารเรือถูกยึดไป โดยขอให้ชาวบ้านที่ออกมาเคลื่อนไหวนั้นต่อสู่ไปตามกรอบของกฎหมายในแนวทางที่สงบ และสามารถเป็นไปได้จริง โดยอย่าไปต่อสู้ หรือทำอะไรที่นอกเหนือไปจากกรอบของกฎหมายที่มีรองรับไว้
ส่วนในเรื่องของการเรียกร้องสิทธิในการทำกิน หรือการขอร้องให้ทางฝ่ายทหารเรือนั้นช่วยผ่อนผัน หรือจัดสรรแบ่งปันพื้นที่ให้ชาวบ้านได้ใช้ทำกินบ้างนั้น ก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน และกระบวนการที่มีอยู่เช่นเดียวกัน
นายสมหมาย บุญนิมิ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 ม.11 ต.โยธะกา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักสุด ที่กำลังจะถูกหน่วยทหารเรือกลืนหาย หรือลบทิ้งหมดไปทั้งหมู่บ้าน กล่าวว่า ขณะนี้ทางฝ่ายทหารได้เข้ามาดูพื้นที่ และกดดันชาวบ้านด้วยวาจา ด้วยการสั่งห้ามไม่ให้ชาวบ้านนั้นลงมือทำกิน หรือกระทำการประกอบอาชีพใดๆ ในพื้นที่อีกเลย โดยห้ามทำการปลูกสร้าง ต่อเติม หรือขุดบ่อเลี้ยงปลา และได้เข้ามาถ่ายรูปไว้แล้ว
เมื่อชาวบ้านถูกห้ามไม่ให้ทำนา หรือทำกินบนที่ดินแล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรกินต่อไป เพราะไม่มีอาชีพอื่นรองรับ และไม่มีที่อยู่อาศัย จึงได้แต่ร้องขอความเป็นธรรมไปยังส่วนราชการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมทหารบก ตลอดจนสำนักนายกรัฐมนตรี ก็เคยไปมาแล้ว แต่เรื่องกลับเงียบหายหมด เมื่อไปติดตามยังทางจังหวัดก็บอกว่า ติดต่อทางฝ่ายทหารเรือไม่ได้เลย ส่งหนังสือไปก็ไม่ยอมตอบกลับมา ชาวบ้านจะขอแบ่งพื้นที่ทำกินบ้างก็ไม่ยอมแบ่งให้
“ขอให้พวกอยู่ต่อไปอีกเพราะเราไม่มีที่จะไปกันแล้ว และมีคนเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมากนับพันคน รวม 4 หมู่บ้าน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นคนที่เกิดที่นี่ อาศัยอยู่กันมานานหลายรุ่นแล้ว ตั้งแต่รุ่นแม่ของยาย รุ่นยาย รุ่นแม่ จนมาถึงรุ่นของตนก็วัยใกล้จะถึง 60 ปีอยู่แล้ว และที่ผ่านมา ไม่เคยทราบมาก่อนว่า เป็นที่ดินของทางทหารเรือ แต่ทราบว่าเป็นที่ดินของทางราชพัสดุเท่านั้น”