ชาวแฟลตดินแดงท้วงสร้างอาคารใหม่ไม่รองรับคนมีรายได้น้อย แฉค่าเช่าแพงถึง 3,000 บาท หวั่นเปิดช่องคนมีรายได้สูงเข้ามาอาศัย จี้กำหนดเกณฑ์รายได้น้อยให้ชัด พร้อมขอพิจารณาค่าเช่าใหม่ ย้ำ อาคารเก่าให้วิศวกรตรวจสอบก่อนจำเป็นต้องรื้อจริงหรือไม่ ยันหากสร้างใหม่ต้องทำประชาพิจารณ์ ด้าน รมว.พม. สั่งการเคหะฯ นำข้อเสนอไปปรับแผนแม่บท ให้ได้ข้อสรุป 17 ส.ค. เปิดช่องชาวบ้านมีส่วนร่วมทุกกระบวนการ
วันนี้ (6 ส.ค.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินทางลงพื้นที่แฟลตดินแดง เพื่อตรวจเยี่ยมและรับฟังความคิดเห็นคนในชุมชนต่อโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ซึ่งขณะนี้แผนแม่บทโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบก็จะดำเนินการได้ในต้นปี 2559 โดยเป็นการก่อสร้างอาคารชุดเพื่ออยู่อาศัยขนาดระหว่าง 25 ถึง 35 ชั้น ซึ่งสามารถรองรับผู้อยู่อาศัยทั้งผู้อยู่อาศัยเดิมและผู้อยู่ใหม่ ซึ่งการดำเนินการอาคาร 25 ชั้น ที่สร้างใหม่ จะมีจำนวน 334 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 33 ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างบริเวณหัวมุมสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งถือเป็นอาคารนำร่อง เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยเดิมใน 5 อาคาร คือ อาคาร 18 - 22 ทั้งนี้ ระหว่างการลงพื้นที่มีชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวมายืนถือป้ายข้อความคัดค้านโครงการดังกล่าว โดยส่งตัวแทน 5 คน เข้าหารือร่วมกับ รมว.พม.
นายตัถยา ประไพเพชร แกนนำกลุ่มพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ขณะนี้การเคหะแห่งชาติยังไม่มีความชัดเจนในการดำเนินโครงการดังกล่าว และไม่ทำตามมติ ครม. เมื่อปี 2543 ที่กำหนดให้ต้องรับฟังความคิดเห็นของคนในชุมชนก่อน แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ดำเนินการ จึงอยากให้มารับฟังความคิดเห็นของคนในชุมชนก่อน โดยสิ่งที่กังวลคือ การสร้างอาคารใหม่นั้น จะให้สิทธิผู้อยู่อาศัยเดิมก่อนหรือไม่ และการสร้างอาคารใหม่นั้นมองว่ายังไม่จำเป็น เพราะอาคารเดิมยังแข็งแรง สามารถอยู่อาศัยต่อไปได้ จึงอยากให้ส่งวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ลงมาตรวจสอบให้แน่ชัดเลยว่าโครงสร้างอาคารยังแข็งแรงพอที่จะอยู่ต่อได้หรือไม่ หากอยู่ต่อได้ก็ไม่ควรสร้างอาคารใหม่ หรือหากมีจุดไหนที่ต้องซ่อมแซมก็ให้ดำเนินการ โดยจะให้เข้ามาประเมินภายใน 15 วันนี้ ซึ่งมองว่าประหยัดงบประมาณกว่ามาก นอกจากนี้ ตามมติ ครม. ปี 2543 ยังกำหนดให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยสำหรับคนมีรายได้น้อย แต่การสร้างอาคารใหม่เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยใหม่นั้น ไม่ชัดเจนว่าจะเป็นผู้มีรายได้น้อยจริงหรือไม่ ที่สำคัญพื้นที่ใช้สอยต่อห้องของอาคารใหม่มีเพียง 33 ตารางเมตร น้อยกว่าพื้นที่ใช้สอยของห้องอาคารเดิมที่ใหญ่กว่า คือ 43 ตารางเมตร
นายดุสิต ยอดศรี แกนนำกลุ่มพัฒนาชุมชน กล่าวว่า การสร้างอาคารใหม่เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยใหม่นั้น ไม่มีการกำหนดที่ชัดเจนว่าเป็นผู้มีรายได้น้อยจริงหรือไม่ เพราะหากดูการปรับราคาค่าเช่าใหม่ของการเคหะแห่งชาติที่ขึ้นไปอยู่ระหว่าง 1,000 - 3,000 บาทต่อเดือน นั้น ถือว่าสูง และอาจเป็นภาระให้กับชาวแฟลตดินแดงและผู้ที่จะเข้ามาอาศัยใหม่ได้ เพราะหากพิจารณาจากรายได้ขั้นต่ำคือ 300 บาทต่อวัน การที่ต้องจ่ายค่าเช่าในราคาดังกล่าวถือว่าสูงมาก และกังวลว่าผู้ที่มาอยู่อาศัยใหม่ที่สามารถจ่ายค่าเช่าในราคาดังกล่าวอาจไม่ใช่ผู้ที่มีรายได้น้อยจริง จึงอยากให้กำหนดให้ชัดเจนถึงรายได้ของผู้มีรายได้น้อยและพิจารณาเรื่องราคาค่าเช่าใหม่ โดยส่วนตัวมองว่าผู้เช่าใหม่นั้น ควรนำบุคคลที่ไม่มีแหล่งที่อยู่ชัดเจน ระหกระเหิน บุกรุกพื้นที่ หรือคนที่อยู่ในสลัมขึ้นมาอาศัยมากกว่า เพื่อรองรับคนที่มีรายได้น้อยที่แท้จริง และลดการเกิดปัญหาสังคมขึ้น
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมารับฟังปัญหา ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะของชุมชนแฟลตดินแดง เพราะโครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่ โดยหลักการต้องเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยเฉพาะประเด็นการพิสูจน์โครงสร้างของอาคารมีความทรุดโทรมหรือไม่ ทั้งนี้ จะให้นำวิศวกรที่เชื่อถือได้เข้ามาตรวจสอบ เพื่อพิจารณาว่าควรมีการซ่อมแซมหรือรื้อเพื่อก่อสร้างใหม่ นอกจากนี้ การดำเนินการต่าง ๆ ทุกขั้นตอนจะให้ตัวแทนชุมชนมาเป็นคณะกรรมการเพื่อร่วมวางแผน
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า จากการมารับฟังความเห็นพบว่า 1. ชาวแฟลตดินแดงมีข้อร้องเรียนในเรื่องพื้นที่ห้องของอาคารใหม่ ซึ่งตามแผนแม่บทกำหนดไว้ที่ 33 ตารางเมตร ขณะที่ชาวบ้านต้องการให้มีพื้นที่ 43 ตารางเมตรเท่าเดิม 2. เรื่องค่าเช่าห้องนั้นชาวบ้านขอในราคาไม่แพง และ 3. ชาวบ้านยังขาดความเชื่อมั่นในการบริหารงานของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งจะนำมาความคิดเห็นต่าง ๆ มาพิจารณาเพื่อปรับแก้แผนแม่บทให้เป็นที่ยอมรับ เพราะนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของชาวแฟลตดินแดงว่าจะต้องดีขึ้น ซึ่งจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อนำเสนอต่อ ครม. ต่อไป ทั้งนี้ ยืนยันว่า โครงการดังกล่าวทำเพื่อคนแฟลตดินแดง ทั้ง 6,000 ยูนิตที่อยู่อาศัยเดิมจะได้รับสิทธิในการเข้าอยู่อาศัยก่อน
นายตัถยา ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือร่วมกับ รมว.พม.ว่า รมว.พม. ย้ำชัดว่าจะให้การเคหะฯ นำข้อคิดเห็นต่าง ๆ กลับไปทบทวนแผนแม่บท โดยจะต้องได้ข้อสรุปภายในวันที่ 17 ส.ค. นี้ ว่า จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ที่สำคัญคือ จะต้องให้วิศวกรรมสถานฯ เข้ามาตรวจดูโครงสร้างอาคารด้วยว่าจำเป็นต้องรื้อหรือไม่ หากจำเป็นต้องสร้างใหม่ก็ต้องทำตามมติ ครม. คือ จะต้องทำประชาพิจารณ์โดยเร็วที่สุดภายในสิ้น ส.ค. โดยภาพรวมการหารือถือเป็นที่น่าพอใจ เพราะ รมว.พม. ก็ให้มีการตั้งคณะทำงาน โดยให้ชุมชนมีตัวแทนเข้าไปร่วม 10 คน อย่างไรก็ตาม ยังกังวลว่าหากมีการเปลี่ยนรัฐบาลแผนแม่บทจะเปลี่ยนอีกหรือไม่ ก็อยากให้ รมว.พม. พิจารณาในเรื่องนี้ด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่