xs
xsm
sm
md
lg

ห่วง 3 โรครุมเร้าพระสงฆ์-สามเณร เหตุฉันอาหารรสจัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แพทย์เผย 3 โรครุมเร้าพระสงฆ์ - สามเณร ทั้งเบาหวาน ความดัน โรคระบบการย่อยดูดซึมอาหาร เหตุฉันอาหารรสจัด มีแป้ง ไขมันสูง ขาดการออกกำลังกาย แนะพุทธศาสนิกชนเลือกอาหารใส่บาตรเน้น ลดหวาน มัน เค็ม ขอพระสงฆ์บริหารร่างกายด้วยการเดินบิณฑบาต เดินจงกรม กวาดลานวัด ป้องกันโรค

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ ว่า จากข้อมูลการรักษาผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลสงฆ์ ปีงบประมาณ 2555 - 2557 พบพระสงฆ์ - สามเณรอาพาธด้วยโรค 3 อันดับแรก คือ โรคเกี่ยวกับระบบการย่อยและดูดซึมสารอาหาร ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน นอกจากนี้ ยังพบโรคอื่น ๆ ที่เป็นปัญหาสำคัญ เช่น ไขมันในเลือดสูง ปอดอุดกั้นเรื้อรัง ไตวายเรื้อรัง ข้อเข่าเสื่อม ต้อกระจก เป็นต้น สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ การฉันภัตตาหารที่รสจัด เช่น หวานจัด เค็มจัด มีแป้งและไขมันสูง และขาดการออกกำลังกาย หรือการบริหารร่างกาย ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้การดำเนินชีวิตและการปฏิบัติศาสนกิจของพระสงฆ์ อาจมีความแตกต่างจากสมัยพุทธกาล เช่น การเดินบิณฑบาตในเมือง ในระยะทางที่สั้นลง รวมถึงการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันและการปฏิบัติศาสนกิจที่แตกต่างจากบุคคลทั่วไป

ตามพุทธบัญญัติที่พระสงฆ์ควรอยู่ในอาการที่สำรวมเป็นผู้ดำรงอยู่ในศีล 227 ข้อ ทำให้พระสงฆ์มีข้อจำกัด ไม่สามารถออกกำลังกายเหมือนบุคคลทั่วไปได้ ส่งผลให้มีโอกาสเกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่าย แนวทางการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับพระสงฆ์จำเป็นต้องสำรวมและเป็นที่ยอมรับของสังคม จึงควรเลือกสถานที่ที่เป็นส่วนตัว เช่น ในกุฏิ ห้องออกกำลังกายสำหรับพระสงฆ์ พื้นที่โล่งในเขตวัด มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก สำหรับการนุ่งห่ม อาจนุ่งสบง รัดประคด เพื่อให้กระชับรัดกุม ไม่จำเป็นต้องสวมจีวร เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหว ถ้าเป็นการเดิน ควรเดินในทางราบเรียบ ไม่ชื้นแฉะ และควรสวมใส่รองเท้าที่เบาสบาย เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ฝ่าเท้า เพราะการเดินด้วยเท้าเปล่าอาจทำให้เหยียบถูกของมีคมหรือก้อนกรวดบนพื้นได้ โยเฉพาะพระสงฆ์ที่อาพาธด้วยโรคเบาหวาน” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว

นพ.สุพรรณ กล่าวว่า วิธีการออกกำลังกายที่พระสงฆ์สามารถทำได้โดยง่ายและเหมาะสมกับทุกวัย คือ การเดิน เช่น การเดินบิณฑบาต การเดินจงกรม ซึ่งควรเดินต่อเนื่อง 30 นาทีขึ้นไป หรือเดิน 10 - 15 นาที 2 - 3 รอบ สะสมรวมกัน 30 นาที นอกจากนี้ ควรมีกิจกรรมอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การกวาดลานวัด หรือการขึ้นลงบันได ยกเว้นพระสงฆ์สูงอายุที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งก่อนและหลังการออกกำลังกายควรมีการอบอุ่นร่างกายและยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ช่วยลดความตึงและเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อและกล้ามเนื้อ และควรออกกำลังกายในช่วงที่ไม่หิวหรืออิ่มเกินไป ถ้าฉันภัตตาหารไปแล้วควรรอหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ หากมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยมาก หอบ หายใจไม่ทัน วิงเวียนศีรษะ หน้าซีด คล้ายจะเป็นลม ควรหยุดออกกำลังกายทันที

นพ.สุพรรณ กล่าวว่า การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ควรคำนึงถึงอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเลือกแต่อาหารที่มีประโยชน์ ไม่มีรสเค็มจัดหวานจัด หรือมันจัดแต่เน้นอาหารที่มีผักมาก ๆ ถูกต้องตามหลักโภชนาการ คือ อาหารประเภทนม ควรเลือกถวายนมพร่องไขมัน เหมาะสำหรับพระสงฆ์ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง อาหารประเภทข้าว ควรเลือกถวายอาหารประเภทข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต เพราะจะให้ประโยชน์เรื่องใยอาหารและวิตามินบีรวม อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ควรเลือกเนื้อปลา หรือเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ อาหารประเภทผัก ควรเป็นผักหลากสี ซึ่งจะมีวิตามินต่างกัน อาหารประเภทผลไม้ ควรเลือกผลไม้ที่มีรสไม่หวานจัด เช่น ส้ม มะละกอ แตงโม แคนตาลูป ส้มโอ ฝรั่ง สับปะรด กล้วย แอปเปิล แก้วมังกร เป็นต้น ที่สำคัญ ควรหลีกเลี่ยงการถวายอาหารที่ใช้น้ำมันจำนวนมากในการปรุง เช่น อาหารที่มีกะทิ อาหารที่ปรุงโดยการผัดน้ำมันมากๆ และอาหารทอด ควรงดเว้นหรือหลีกเลี่ยงการถวายขนมที่มีรสหวานจัด เพื่อให้พระสงฆ์ - สามเณร มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น