“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
การเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา ต้องไม่มองแบบผิวเผิน เพราะที่ “เห็น”-มิใช่..ที่ “ไม่เห็น” กลับ-ใช่!
การเคลื่อนไหวทางการเมืองของ “นักศึกษา” ที่โผล่ออกมาต่อต้านเผด็จการทหาร และรัฐบาลยึดอำนาจรัฐด้วยปืน ที่มี “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนี้
ผู้คนทั่วไปที่ไม่รู้ตื้น-ลึก-หนา-บาง-ย่อมไม่รู้ แต่คนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้บางส่วน-รู้อยู่แก่ใจ แต่จงใจแสร้งไม่รู้ และยังไม่ยอมเปิดเผยถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นหลากรูปแบบ ทั้งในที่ลับและที่แจ้งที่มากขึ้นเรื่อยๆ
หากรัฐบาลเผด็จการ “บิ๊กตู่” ยังแก้ปัญหานี้ด้วยวิธี “ลูบหน้าปะจมูก” ยึกๆยักๆไม่ชัดเจน เรื่องราวทางการเมืองก็มีโอกาสจะบานปลาย เพราะต้นเหตุเรื่องร้ายๆทั้งหมดเกิดขึ้นได้ โดย “คนแดนไกล”และสมุน ที่พรรคพวกของ “บิ๊กตู่” บางคน แอบไปเจรจาต้าอ่วย “ปรองดอง” ด้วยนั่นแหละ-คือ-ตัวการ!
นักศึกษากลุ่ม “ดาวดิน” 14 คน ทำผิดกฎหมายจนโดนจับเข้าคุกนั้น ใครบางคนมองว่า กลุ่มนักศึกษานี้มีอุดมการณ์อันบริสุทธิ์ ที่ออกมาต่อต้านเผด็จการทหาร และเรียกร้องให้มี “ประชาธิปไตยใหม่”
แต่ใครไม่น้อยมีความเห็นว่า นักศึกษากลุ่มนี้เป็น “ไก่อ่อนทางการเมือง” ยังไม่เติบโตทางความคิดเท่าที่ควร จนไม่รู้ทันเล่ห์ร้ายของเหลี่ยมและพวก แต่มีอุดมการณ์การเมืองแบบงูๆปลาๆ จึงเหมาะอย่างยิ่งแก่การถูกใช้ ให้ทำงานการเมืองในบางเรื่องบางราว ให้กับกลุ่มทุนสามานย์กับพวก จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว จะโดยมีการจ้างหรือไม่มีการจ้างก็ตาม ฯลฯ
บัดนี้..นักศึกษากลุ่มนี้ ได้กลายเป็น “อาวุธทางการเมือง” หรือ “หน่วยกล้าตาย” ที่ออกมาสู้รบทางการเมืองแบบซึ่งๆหน้า กับ คสช. และรัฐบาลเผด็จการ “บิ๊กตู่” ไปแล้วโดยปริยาย
กลุ่มนักศึกษา “ดาวดิน” จึงเป็นเสมือน “ก้อนกรวดในรองเท้า” คอย “ทิ่มตำ” คสช.และรัฐบาลฯ “บิ๊กตู่” ที่ตกลงไปใน “กับดักทางการเมือง” ของกลุ่มทุนสามานย์อยู่ในขณะนี้
แม้ใครบางคนจะบอกว่า กลุ่มนักศึกษาเหล่านี้ไม่น่าจะมีใครอยู่เบื้องหลัง แต่สำหรับ “คอการเมืองตัวพ่อ” ที่เก๋าเกมการเมือง และมีข้อมูลเชิง “ลึกแต่ไม่ลับ” ทั้งหลาย แม้กระทั่งอดีตนักการเมืองตัวพ่อ ที่ “ห่มผ้าเหลือง” อยู่ในเวลานี้ยังฟันธงเลยว่า
นักศึกษา “ไก่อ่อนทางการเมือง” เหล่านั้น มีเหลี่ยมและเครือข่ายชักใยอยู่เบื้องหลังอย่างลับๆ แหง๋แก๋ โดย “สายลับสองสลึง” รายงานตรงมาว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มนี้ เกี่ยวพันไปถึง “นักธุรกิจแดงคนหนึ่ง” ซึ่งรวยอู้ฟู่และมีอุดมการณ์ “สีแดงแรงฤทธิ์” ที่เป็นทั้ง “แดงคอมมิวนิสต์” และ “แดงล้มเจ้า” แถมยังเป็นหลานชายสุดเลิฟ ของนักการเมืองใหญ่ใน “พรรคเผาไทย” อีกด้วย
“นักธุรกิจหนุ่มสีแดงคนนั้น” ทำตัวเป็นนายทุนใหญ่ สนับสนุนนักเขียนแดงทั้งหลาย ให้เขียนและผลิตสื่อแนวสีแดงต่างๆ รวมทั้งสื่อล้มเจ้าอีกมากมาย ที่สำคัญ “นักธุรกิจแดงคนนั้น” สนิทกับ “ลูกชายคนแดนไกล” เสียด้วยสิ”..!
“สายลับสองสลึง” ยังเปิดเผยว่า พบหลักฐานที่เห็นกันจะๆว่า “นักธุรกิจแดงคนนั้น” ใช้รถแม่ไปขนกลุ่มนักศึกษา มาส่งตามจุดเคลื่อนไหวต่างๆกันเลยหล่ะ
ทีมงานของ “สายลับสองสลึง” ยังยืนยันว่า ก่อนที่นักศึกษากลุ่มนี้จะย้ายวิกการแสดง จากขอนแก่นมายังกรุงเทพมหานครนั้น เครือข่ายคนแดนไกลได้ประสานงานกับบางชาติในยุโรป และองค์กรเอ็นจีโอที่รัฐบาลอเมริกาแอบหนุนหลังอยู่ เพื่อรับลูกและหนุนช่วยนักศึกษากลุ่ม “ดาวดิน” กดดันรัฐบาลเผด็จการทหาร “บิ๊กตู่” กันอย่างต่อเนื่องเป็นระบบเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้..เพราะ “คนแดนไกล” ทุกข์ใจกับคดีความ ที่ “ปูจ๋า” และพวกที่โกงชาติและล้มเจ้า ได้ทำผิดไว้อย่างโจ่งแจ้งหลายเรื่อง จึงถูกทั้ง ปปช.-อัยการ-ตำรวจ-ดีเอสไอ.-กองทัพบก ฯลฯ ส่งเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แถมบางเรื่องไปคาอยู่ในศาลฯ เรียบร้อยแล้ว
“คนแดนไกล” นั้นรู้อยู่แก่ใจว่า ความผิดที่ชัดเจนของ “ปูจ๋า”กับพวกนั้น-โทษมหันต์ โดยเฉพาะความผิดในการผลาญและโกงเงินชาติกว่า 6 แสนล้านบาทนั้น โอกาสติดคุกกันทั้งแก๊งสูง-รอดยาก
ดังนั้น เหลี่ยมจะปล่อยให้น้องสาวและสมุน ซึ่งทำงานชั่วๆทางการเมืองให้กับตน เข้าไปนอนเอ้เตอยู่ในคุกง่ายๆไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งกระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไปเรื่อยๆเช่นนี้ คนแดนไกลกับพวกที่ทำผิดกฎหมาย จึงมีหนทางให้เลือกเพียงแค่..
หนีก่อนศาลตัดสินคดี-ไปอยู่ต่างประเทศก่อนเลย ซึ่งหลายคนแอบไปซื้อบ้านในลาว-กัมพูชา-ออสเตรเลีย-อังกฤษ-อเมริกา ฯลฯ ไว้สำหรับลี้ภัยเรียบร้อยแล้ว
สู้คดีจนถึงที่สุดก่อนหนี-เพราะกลุ่มคนที่ทำผิดจำต้องสร้างภาพว่า-ไม่ผิดไม่หนี และจะอยู่สู้คดีจนถึงที่สุด กระทั่งผู้พิพากษานัดวันฟังคำตัดสินนั่นแหละ คนชั่วกลุ่มนี้จะเช็คข่าววงในจนรู้ว่า ศาลจะตัดสินพวกตนในแง่บวกหรือลบกันแน่
ถ้าผลคำตัดสินออกมาในแง่บวกหรือไม่ผิด บรรดาคนชั่วจะได้ลอยหน้าลอยตา คุยโม้ว่า..กลุ่มพวกตนไม่เคยทำผิดในเรื่องผลาญและโกงเงินชาติ ในโครงการจำนำข้าวเลย ฯลฯ
แต่ถ้ารู้ว่า..คำตัดสินของศาลจะออกมาในแง่ลบหรือผิด คนชั่วกลุ่มนี้จะอ้างว่าศาลฯไม่ยุติธรรม อีกทั้งก่อนที่ศาลฯ จะอ่านคำตัดสินอย่างเป็นทางการ คนชั่วพวกนี้จะชักแถวกันเผ่นหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะขืนไปนั่งฟังคำพิพากษาในศาล อาจจะถูกคุมตัวไปเข้าคุกได้ในทันที หมดโอกาสจะหลบหนีออกจากประเทศไทยนั่นเอง
เหลี่ยมจึงเปลี่ยนยุทธวิธีจาก “รับ” เป็น “รุก” ด้วยใบสั่งเร่งเครื่องการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบ ให้หนักขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างสถานการณ์ไม่ปกติขึ้นสู่กระแสสูง ไว้สำหรับต่อรองกับใครบางคนใน คสช. ให้หาทางปล่อยตัวน้องสาวและพวก หรืออย่างน้อยต้องยอมให้หนีออกจากประเทศ
วันนี้เหลี่ยมและเครือข่ายแดงหวังว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษา จะจุดไฟต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ “บิ๊กตู่” สำเร็จ ดังเหตุการณ์ในวันที่ 14 ตุลาคม 2516
เหลี่ยมและพวกเชื่อว่า “บิ๊กตู่” เป็นคนใจร้อนหุนหันพลันแล่น หากหลงกลใช้ความรุนแรง จับกุม-ปราบปรามกลุ่มนักศึกษาเหล่านี้เข้า งานนี้อาจเป็น “น้ำผึ้งแดงหยดเดียว” เข้าทาง “กลเกม” เหลี่ยมกับพวกได้ทันที
ทำไมนักศึกษากลุ่ม “ดาวดิน” ไม่ยอมประกันตัว ที่ใช้เงินเพียงแค่ 1 หมื่นบาท เพราะบรรดาแดงทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลัง ต้องการให้นักศึกษากลุ่ม “ดาวดิน” เป็น “ชนวนระเบิด” ในการเรียกร้อง ให้ผู้คนออกมาชุมนุมเรียกร้อง ให้ปล่อยตัวกลุ่มนักศึกษา 14 คน ออกจากที่คุมขังโดยไม่มีเงื่อนไข เช่นเดียวกับการเรียกร้องให้ “ปล่อย 13 กบฏ” ที่ถูกรัฐบาลเผด็จการ “ถนอม-ประภาส” จับไปคุมขัง ในยุค 14 ตุลาคม 2516 ไงล่ะ
คนแดนไกลกับแกนนำแดงบางคน วางแผนให้กลุ่มนักศึกษา “ดาวดิน” เป็น “ดาวรุ่ง” และเป็น “ชนวนระเบิด” ทางการเมือง ทำให้ คสช.และรัฐบาลเผด็จการ “บิ๊กตู่” ล้มครืนลง หรืออ่อนแอจนต้องยอมเจรจาต่อรองกับคนแดนไกล ในเรื่องของน้องสาวและพวก ที่กำลังโดนดำเนินคดีอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งกดดันให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดอีกด้วย
แต่สถานการณ์การเมืองของชาติไทยยามนี้ แผนชั่วของการใช้นักศึกษากลุ่ม “ดาวดิน” ไปสู่เป้าหมายชั่วๆ ทางการเมือง ของคนแดนไกลกับแกนนำแดงบางคน-คงแป้ก
“ดาวดิน” คงเป็นได้แค่ “ดาวร่วง” เท่านั้น ไม่มีทางจะเป็น “ดาวรุ่ง” ในการ “จุดพลุ” ให้การเมืองในชาติไทย ขยายตัวบานปลายเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หรือ 6 ตุลาคม 2519 ได้อย่างแน่นอน
เพราะอะไรน่ะหรือ..อ่านต่อตอนหน้าครับ..!