ผ่าประเด็นร้อน
ตามกำหนดการที่มีการแถลงออกมาแล้วจากรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะนำคณะไปประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 29-30 มิถุนายน และจะเริ่มประชุมคณะรัฐมนตรีที่นั่น โดยวาระสำคัญก็คือ การแก้ปัญหาภัยแล้ง รวมไปถึงการลงไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ในพื้นที่บริเวณภาคเหนือ เพราะนอกเหนือจากจังหงัดเชียงใหม่ ยังมีโปรแกรมไปเยี่ยมประชาชน และรับฟังปัญหาในบางจังหวัด เช่น จังหวัดพิษณุโลก เป็นต้น
พิจารณาตามโปรแกรมแล้วนี่คือรายการติดตามแก้ปัญหา รวมทั้งเชื่อว่าจะมีอีกหลายโครงการที่คณะรัฐมนตรี จะต้องมีการอนุมัติดำเนินการและอนุมัติในหลักการ ซึ่งก็คือการช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากอาการคำพูดของ รองโฆษกประจำสำนันายกรัฐมนตรี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ก็ยอมรับว่าน่าจะมีคนที่ต่อต้านรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติบ้าง “สักคนสองคน” หรือบางคนเท่านั้น
หากพิจารณาจากความเป็นจริงในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่ ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเคยเป็นฐานเสียงสำคัญของ ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวมานาน ในความหมายก็รวมถึงพรรคเพื่อไทย มีคนเสื้อแดงคอยสนับสนุนปลุกระดมกันมานาน ดังนั้น การลงพื้นที่เชียงใหม่และภาคเหนือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มันก็อาจมีบ้างที่จะมีคนมาป่วน
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงจะต้องมีการหาข่าวประกบตัวแจกันมานานแล้ว คงไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวโดยพลการแน่ หากเป็นพวกแกนนำคนเสื้อแดง แต่ที่น่าจับตาก็คือ คนพวกนี้จะยุพวกเด็กๆ นักศึกษาออกหน้าแทน หากพิจารณาจากเส้นทางก็ยังมั่นใจว่ามีการ “ออกแบบ” วางแผนเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่อง มาตั้งแต่ช่วงวัน “เปลี่ยนแปลงการปกครอง” เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนเป็นต้นมา ในนามพวกกลุ่มนักศึกษาดาวดิน หรือพวกนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ อะไรนั่น ที่ท้าทายให้จับกุมอยู่ในเวลานี้
แน่นอนว่า หากจะกล่าวว่ามีพวก “หัวหงอกหัวดำ” คอยแอบอยู่ข้างหลัง ชักใยยุยงเด็กๆ พวกนี้ บางที่ก็อาจจะเหยียดหยามความคิดกันเกินไป แต่หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหว คำพูดจากพวกนักการเมืองในพรรคเพื่อไทย หัวโจกคนเสื้อแดง อาจารย์ในมหาวิทยาลัยบางคนก็ล้วนหน้าเดิมๆ ประเภท “เห็นหลังก็จำหน้าได้” อะไรประมาณนั้น ขณะเดียวกันก็ยังเชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงเขาก็รู้ว่ามีใครที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังบ้าง
ที่ผ่านมาก็มีพวกพรรคเพื่อไทย และเครือข่ายต่างออกมาพูดสนับสนุนและเห็นอกเห็นใจเด็กๆ พวกนี้ ทำนองว่าให้ระวังเรื่องการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน การแสดงออก หรือเตือนว่า หากมีการเข้มงวดมากเกินไปก็อาจบานปลายได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการออกมาพูดแบบเนียนๆ ก็มี เช่น จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และล่าสุดก็มี วัฒนา เมืองสุข เป็นต้น คนพวกนี้อ้าปากก็คงเห็นไปถึงลำไส้ว่าตัวเองมีที่มาอย่างไร เป็น “ลูกน้อง” ของใคร
อย่างไรก็ดี นาทีนี้เชื่อว่าทางฝ่ายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลคงจะอ่านเกมได้ทะลุ และประเมินสถานการณ์ได้ไม่ยาก ถึงได้รวบกลุ่มนักศึกษาไปแล้ว 14 คน ซึ่งเป็นพวกจัดกิจกรรมท้าทายในช่วงวันที่ 24 มิถุนายน และ ต่อมาส่งไปฝากขังยังไม่ได้รับการประกันตัว แต่พิจารณาได้ว่าในการจัดการดังกล่าวมีการจัดการอย่างระมัดระวัง แต่แฝงไปด้วยความเฉียบขาดรวบรัด และที่สำคัญ มีการหยั่งอารมณ์ความรู้สึกของสังคมส่วนใหญ่แล้วว่า “ผ่าน” จึงลงมือ ทำให้งานนี้พวกที่ลงทุนน้อยใช้ “ไม้ขีดก้านเดียว” แต่หวังผลสูงให้ลามไปทั่วจึงยัง “จุดไม่ติด” ชาวบ้านรำคาญ และรู้ทัน
สิ่งที่ต้องจับตามองกันต่อไปก็คือ รัฐบาลและ คสช.จะดำนินการอย่างไรต่อไป จะเดินหน้าจัดการกับพวกที่อยู่เบื้องหลังนักศึกษากลุ่มนี้หรือไม่ เพราะทั้งคำพูดของ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ที่ย้ำว่า รู้ตัวคนที่อยู่เบื้องหลังและจะจับกุมมาดำเนินคดี จะทำจริงหรือเปล่า หรือเพียงแค่ขู่ให้หยุดเคลื่อนไหวเท่านั้น เพราะเชื่อว่านับจากนี้ เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวหลายอย่าง ทำให้เห็นบางอย่างที่เริ่ม “ผิดปกติ” มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากคนในครอบครัวทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย โดยใช้สังคมโชเชียลฯ เป็นเครื่องมือสำคัญ และนับจากนี้ไปน่าจะเห็นชัดเจนขึ้นโดยเฉพาะในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่เชียงใหม่ และภาคเหนือในวันนี้ พรุ่งนี้!!