xs
xsm
sm
md
lg

พ้นเฝ้าระวังเมอร์ส 20 คน กลับบ้านได้หลังสัมผัสผู้ป่วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สธ. ทยอยปล่อยตัวผู้สัมผัส “ผู้ป่วยเมอร์ส” กลับบ้าน ล็อตแรก 20 คน หลังครบกำหนดเฝ้าสังเกตอาการ 14 วัน ด้านญาติผู้ป่วย 3 คน พ้นเฝ้าระวัง 2 ก.ค. ส่วนอาการผู้ป่วยดีขึ้น ไม่ต้องใช้ออกซิเจน คาด ก.ค. หายดี ออกจาก รพ. ได้

วันนี้ (29 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สถาบันบำราศนราดูร ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวก่อนตรวจเยี่ยมการให้การดูแลผู้สัมผัสผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ โรคเมอร์ส ซึ่งต้องรับไว้เฝ้าสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน ว่า ขณะนี้มีผู้สัมผัสผู้ป่วยโรคเมอร์สชาวโอมานอยู่ในไทย จำนวน 154 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้สัมผัสโรคเสี่ยงสูง 36 คน ประกอบด้วย ญาติผู้ป่วย ผู้เดินทางร่วมเที่ยวบิน 2 แถวหน้าหลัง บุคลากรทางการแพทย์ และคนขับรถแท็กซี่ สามารถติดตามตัวได้ทุกคน ทั้งนี้ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 20 คน ได้ครบกำหนด 14 วัน ในการเฝ้าสังเกตอาการในวันที่ 29 มิ.ย. อาการสบายดี ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อโรคเมอร์ส สามารถออกจากห้องแยกโรคและกลับบ้านได้แล้ว

กลุ่มเสี่ยงสูง 20 คนที่ไม่ต้องเฝ้าสังเกตอาการแล้วนั้น ประกอบด้วย ผู้เดินทางร่วมเที่ยวบิน 14 คน คนขับรถแท็กซี่ 2 คน และบุคลากรทางการแพทย์ 4 คน จำนวนนี้แบ่งเป็น ชาวต่างชาติ 12 คน สัญชาติอังกฤษ อิตาลี และ สวิตเซอร์แลนด์ และ คนไทย 8 คน ซึ่งเฝ้าสังเกตอาการอนู่ที่ กทม. ชลบุรี สุราษฎร์ธานี กระบี่ ประจวบคีรีขันธ์ และ บุรีรัมย์ ส่วนอีก 16 คนที่เหลือยังต้องเฝ้าระวังจนครบ 14 วันตามกำหนด ซึ่งทั้งหมดไม่มีอาการป่วย และมีการตรวจเชื้อหาท้องปฏิบัติการยืนยัน สำหรับญาติผู้ป่วยจะออกจากระบบเฝ้าระวังวันที่ 2 ก.ค. นี้ เนื่องจากแต่ละคนจะหมดระยะเวลาสังเกตอาการต่างกัน โดยนับจากวันสุดท้ายที่สัมผัมผู้ป่วย” รมว.สธ. กล่าว

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มผู้สัมผัสโรคเสี่ยงต่ำ ที่เหลือนั้น แนะนำให้แยกตัวเองที่บ้านก็ให้กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ส่วนอาการชายชาวโอมานทั่วไปดีขึ้น ลุกขึ้นนั่งได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน ผลการเอกซเรย์ปอดดีขึ้น ส่วนอาการโรคหัวใจซึ่งเป็นโรคเดิมนั้นแพทย์ได้ดูแลอยู่ ทั้งนี้ จะได้ตรวจสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจบริเวณหลังโพรงจมูก ให้มั่นใจว่าไม่มีเชื้อจากทางเดินหายใจแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้ ก่อนย้ายออกจากห้องแยกโรคความดันลบ ไปรักษาในห้องแยกโรคธรรมดา อย่างไรก็ตามมาตรการเฝ้าระวังผู้สัมผัส และผู้เดินทางเข้าประเทศจะทำอย่างเข้มงวดเหมือนเดิม ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด

พญ.จริยา แสงสัจจา ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า ขณะนี้ได้เก็บเชื้อจากผู้ป่วยส่งตรวจห้องปฏิบัติการและไม่พบเชื้อมากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งการจะจำหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลได้นั้น ต้องพิจารณาจากอาการต่างๆ เป็นสำคัญ ว่า ผู้ป่วยหายดีและแข็งแรง สามารถเดินทางกลับประเทศได้ ขณะนี้ถือว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ป่วยจะหายเป็นปกติจากโรคเมอร์ส ภายใน ก.ค. น่าจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 3 ก.ค. จะมีการประชุมทบทวนการปฏิบัติงานตามแนวทางคำแนะนำ ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องดูแลผู้ป่วย เพื่อให้มั่นใจในการให้การรักษาด้วย

นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการปลัด สธ. กล่าวว่า แม้สถานการณ์การระบาดของโรคจะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ยังกำชับให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งโรงพยาบาลเอกชน ที่รับผู้ป่วยต่างประเทศ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาล ที่ต้องดูแลในพื้นที่ต่างๆ ทำความเข้าใจมาตรการ และกำชับในเรื่องการจัดห้องแยกโรคให้เป็นไปตามมาตรการการเตรียมความพร้อม ทั้งนี้ สำหรับประกาศตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ มีการทยอยออกประกาศเพื่อให้สามารถควบคุมได้ทุกส่วน ทั้งในส่วนผู้ป่วย โรงพยาบาลรัฐและเอกชน ห้องปฏิบัติการ และกำชับการนำส่งผู้ป่วยให้เป็นไปตามมาตรฐาน และจะมีโทษตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้มาตรการเฝ้าระวังหย่อนยาน

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น