มติบอร์ดคุรุสภา ให้เหลือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแค่ 2 ใบ “ใบอนุญาตฯทางการศึกษา-ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน 2 ปี” พร้อมเปิดทางให้ครูที่สอนมา4 ปีได้รับใบอนุญาตฯโดยมอบปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา คิดเกณฑ์ เผยรับทราบ “เกษม” ยื่นลาออกจาก ทปษ.คุรุสภา อ้างมีปัญหาสุขภาพ เตรียมส่งหนังสือถึงรองเลขาธิการคุรุสภา 3 รายรับทราบยุติการปฏิบัติหน้าที่ตามหนังสือเลิกจ้าง “อำนาจ” เลขาธิการ
วันนี้ (19 มิ.ย.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ว่า ที่ประชุมรับทราบกรณีที่นายเกษม กลั่นยิ่ง ที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ขอลาออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์เป็นประจำ และรับทราบกรณีที่นายสุรินทร์ อินทรรักษา รองเลขาธิการคุรุสภา ลาออกจากตำแน่ง เนื่องจากจะไปรายตัวเข้ารับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนในสังกัดงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)เชียงใหม่เขต 2 สำหรับรองเลขาธิการที่เหลืออีก 3 คน คือ นายสนอง ทาหอม นายสำเริง กุจิรพันธ์ และนายก๊ก ดอนสำราญ นั้น ที่ประชุมมีมติให้สำนักงานคุรุสภาทำหนังสือ แจ้งไปยังทั้ง 3 คน ว่าจะต้องยุติการดำรงตำแหน่ง ไปตามคำสั่งบอกเลิกจ้างนายอำนาจ สุนทรธรรม เลขาธิการคุรุสภา ที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคมนี้ นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้พิจารณาหนังสืออุทธรณ์การบอกเลิกจ้างของ นายอำนาจ รวมถึงขอสำเนารายงานการประชุมคุรุรสภา ซึ่งส่งมาตั้งแต่วันที่ 20พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติไม่รับอุทธรณ์ และไม่ให้เอกสารตามที่นายอำนาจขอมา
“กรณีการตรวจสอบปัญหาการทุจริตภายในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและ สวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ซึ่งนายเกษมเป็นประธานกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฌาปณกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อน ครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.)นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานต่างๆ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ซึ่งต้องรอดูผลการตรวจสอบของหน่วยงานเหล่านี้ ถ้าหากหน่วยงานใดเห็นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็สามารถเรียกนายเกษมไปให้ข้อมูลได้”พล.ร.อ.ณรงค์ ระบุ
พร้อมกันนี้ ในที่ประชุมยังหารือถึงเรื่องการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลาย ทั้งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน 2 ปี หนังสืออนุญาตให้ปฏิบัติการสอนโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ระยะเวลา 90 วัน ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติการสอนจะต้องไปฝึกอบรม ให้ได้ตามมาตรฐานวิชาชีพครู 9 มาตรฐาน ที่คุรุสภากำหนด หรือไปเรียนประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูหรือป.บัณฑิต ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า ควรปรับให้เหลือแค่ 2 ใบ คือ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ที่ออกให้แก่ผู้ที่จบจากคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ หรือผู้ขอประกอบวิชาชีพที่มีคุณสมบัติตามาตรฐานวิชาชีพของคุรุสภา และใบอนุญาตปฏิบัติการสอน 2 ปี ที่ออกให้แก่ผู้ขอประกอบวิชาชีพ ที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพคุรุสภากำหนด ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นว่าครูที่ปฏิบัติหน้าที่สอนมานานเกิน 4 ปีแล้ว เช่นครูในโรงเรียนเอกชน ก็ควรให้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูไปเลย โดยมอบหมายให้นายกมล ศิริบรรณ รองปลัดศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา ไปพิจารณารายละเอียดและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ และนำมาเสนอที่ประชุมในครั้งต่อไป
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (19 มิ.ย.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ว่า ที่ประชุมรับทราบกรณีที่นายเกษม กลั่นยิ่ง ที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ขอลาออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์เป็นประจำ และรับทราบกรณีที่นายสุรินทร์ อินทรรักษา รองเลขาธิการคุรุสภา ลาออกจากตำแน่ง เนื่องจากจะไปรายตัวเข้ารับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนในสังกัดงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)เชียงใหม่เขต 2 สำหรับรองเลขาธิการที่เหลืออีก 3 คน คือ นายสนอง ทาหอม นายสำเริง กุจิรพันธ์ และนายก๊ก ดอนสำราญ นั้น ที่ประชุมมีมติให้สำนักงานคุรุสภาทำหนังสือ แจ้งไปยังทั้ง 3 คน ว่าจะต้องยุติการดำรงตำแหน่ง ไปตามคำสั่งบอกเลิกจ้างนายอำนาจ สุนทรธรรม เลขาธิการคุรุสภา ที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคมนี้ นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้พิจารณาหนังสืออุทธรณ์การบอกเลิกจ้างของ นายอำนาจ รวมถึงขอสำเนารายงานการประชุมคุรุรสภา ซึ่งส่งมาตั้งแต่วันที่ 20พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติไม่รับอุทธรณ์ และไม่ให้เอกสารตามที่นายอำนาจขอมา
“กรณีการตรวจสอบปัญหาการทุจริตภายในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและ สวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ซึ่งนายเกษมเป็นประธานกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฌาปณกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อน ครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.)นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานต่างๆ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ซึ่งต้องรอดูผลการตรวจสอบของหน่วยงานเหล่านี้ ถ้าหากหน่วยงานใดเห็นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็สามารถเรียกนายเกษมไปให้ข้อมูลได้”พล.ร.อ.ณรงค์ ระบุ
พร้อมกันนี้ ในที่ประชุมยังหารือถึงเรื่องการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลาย ทั้งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน 2 ปี หนังสืออนุญาตให้ปฏิบัติการสอนโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ระยะเวลา 90 วัน ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติการสอนจะต้องไปฝึกอบรม ให้ได้ตามมาตรฐานวิชาชีพครู 9 มาตรฐาน ที่คุรุสภากำหนด หรือไปเรียนประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูหรือป.บัณฑิต ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า ควรปรับให้เหลือแค่ 2 ใบ คือ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ที่ออกให้แก่ผู้ที่จบจากคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ หรือผู้ขอประกอบวิชาชีพที่มีคุณสมบัติตามาตรฐานวิชาชีพของคุรุสภา และใบอนุญาตปฏิบัติการสอน 2 ปี ที่ออกให้แก่ผู้ขอประกอบวิชาชีพ ที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพคุรุสภากำหนด ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นว่าครูที่ปฏิบัติหน้าที่สอนมานานเกิน 4 ปีแล้ว เช่นครูในโรงเรียนเอกชน ก็ควรให้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูไปเลย โดยมอบหมายให้นายกมล ศิริบรรณ รองปลัดศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา ไปพิจารณารายละเอียดและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ และนำมาเสนอที่ประชุมในครั้งต่อไป
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่