หมอกระดูกเตือน “เซลฟีจับสะดือ” อันตรายมากกว่าแค่ไหล่เคล็ด ชี้มีสิทธิข้อไหล่เคลื่อน กระทบกล้ามเนื้อแขน ข้อมือ กระดูกสันหลัง ไปจนถึงสะบัก และหมอนรองกระดูกอักเสบ ระบุ คนมีปัญหาข้อต่อและกล้ามเนื้ออยู่แล้ว อาจทำให้โรคหวนคืน ยันท่าอ้อมแขนจับสะดือไม่วัดหุ่นผอมเพรียว แจงเป็นเรื่องของความอ่อนตัวของข้อ
พ.อ.นพ.ดุษฎี ทัตตานนท์ ผู้อำนวยการกองออร์โธปิดิกส์ รพ.พระมงกุฏเกล้า กล่าวถึงกรณีเทรนด์ฮิตใหม่ “เซลฟีจับสะดือ” ด้วยการเอาแขนอ้อมหลังมาจับที่หน้าท้อง หรือ บริเวณสะดือ เพื่อพิสูจน์ว่าใครทำได้แสดงว่ามีหุ่นดี ซึ่งมีผู้ร่วมเล่นกันในต่างประเทศแล้วมากกว่า 190 ล้านครั้ง โดยมีการเตือนว่าอาจทำให้ไหล่เคล็ดได้ ว่า การทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นการวัดว่ามีรูปร่างผอมเพรียว หรือ หุ่นดี เพราะการที่จะทำได้นั้นเป็นเรื่องของความอ่อนตัวของข้อต่างๆ มากกว่า จะเห็นได้ว่าบางคนที่มีความอ่อนตัวของข้อมากๆ สามารถเคลื่อนตัวผ่านห่วงขนาดเล็กยังได้ อย่างไรก็ตาม การทำท่าดังกล่าวถ่ายรูป อาจก่อให้เกิดผลกระทบกับกระดูกและข้อต่อได้ คือ 1. ข้อไหล่ เป็นส่วนที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากเป็นท่าที่หมุนไหล่เข้าด้านในไปด้านหลัง ทำให้เยื้อหุ้มไหล่และเอ็นข้อไหล่ตึง และอาจทำให้เคล็ดหรือ อักเสบได้ ซึ่งการเซลฟีด้วยตัวเองอาจไม่ค่อยอันตรายมาก แต่หากมีการแข่งขันและมีคนอื่นเข้ามาช่วยจัดท่า อาจมีการดึงแขนอย่างแรงจนทำให้ข้อไหล่เคลื่อนได้ ถือว่าอันตราย
พ.อ.นพ.ดุษฎี กล่าวว่า 2. แขนและข้อมือ เนื่องจากการอ้อมแขนมาด้านหลังเพื่อจับหน้าท้อง จะต้องมีการกระดกข้อมือเยอะ อาจทำให้เกิดการเกร็ง และ เป็นตะคริวที่กล้ามเนื้อแขน และ 3. กระดูกสันหลัง เพราะมีการบิดตัวเป็นเกลียว เพื่อช่วยให้เอื้อมมือมาจับบริเวณหน้าท้องได้ อาจส่งผลให้เกิดอาการยอกที่หลังหรือสะบักได้ ทั้งนี้ ผู้ที่เคยมีปัญหากระดูกและข้อมาก่อน ไม่ควรทำท่าเซลฟีจับสะดือ เพราะอาจเกิดผลกระทบมากกว่า เช่น บางคนมีปัญหาข้อไหล่อยู่แล้ว อาจทำให้ข้อไหล่เคลื่อนหรืออักเสบได้ง่าย หรือคนที่เคยมีปัญหาหมอนรองกระดูกสันหลังอักเสบหรือกดทับมาก่อน ก็อาจทำให้เกิดแรงดันในหมอนรองกระดูกจนอักเสบขึ้นอีกได้ นอกจากนี้ ผู้สูงอายุไม่ควรทำท่านี้ด้วย โดยคนที่อายุ 40 - 45 ปีขึ้นไป จะเกิดโอกาสเคล็ดขัดยอกมากกว่าเด็ก หรือวัยรุ่น และคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป หากเกิดอาการบาดเจ็บข้องกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นก็จะหายช้า
“การทำท่าเซลฟีจับสะดือแบบเป็นแฟชั่นแค่ครั้งสองครั้ง คงไม่ถึงกับอันตรายอะไร เพราะก็คงเป็นแค่กระแสที่มาแล้วก็ไป แต่หากทำท่าดังกล่าวแล้วเกิดมีอาการขึ้นมา หากเกิดอาการปวด เมื่อย เป็นตะคริว ก็ให้พักกล้ามเนื้อโดยนั่งพัก หรือ นอนพัก และอาจบีบนวดบริเวณที่ปวด เมื่อย หรือเป็นตะคริวด้วยตัวเองได้ แต่หากมีอาการปวดอักเสบ บวมแดง หรือเกิดความผิดปกติมากๆ หลังจากทำท่าดังกล่าว ควรมาพบแพทย์เพื่อดูว่ามีอาการเคลื่อนของข้อต่อหรือไม่ ทั้งนี้ ขอย้ำว่า คนที่เคยมีปัญหาข้อต่อมาก่อน เช่น ไหล่หลุด ไม่สมควรทำ เพราะอาจทำให้กลับมาเป็นอีกได้” พ.อ.นพ.ดุษฎี กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
