ครูร้อง! พบ อ.ก.ค.ศ. เขตฯ เรียกรับเงินแลกโยกย้าย เลขาธิการ ก.ค.ศ. เผยมีการร้องเรียนทั้งคณะและตัวบุคคล สั่งตั้ง คกก. ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมเร่งตรวจสอบร้องปัญหาเก่าหรือใหม่ ขณะที่ ปลัด ศธ. ระบุรายงาน รมว.ศึกษาฯ ทราบแล้ว ยังไม่ฟันธงควรดึงอำนาจกลับมาส่วนกลางหรือไม่ เล็งหาแนวทางเหมาะสมแก้ปัญหาไม่ให้ครูที่ทำถูกตามระบบเดือดร้อน ชี้อาจให้มีองค์กรหน่วยงานเข้ามากำกับติดตาม
วันนี้ (12 มิ.ย.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีมีการร้องเรียนว่าคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา บางแห่งมีพฤติกรรมเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการย้ายครูและบุคลากรทางการศึกษา ว่า ตนได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทราบแล้ว ซึ่งตนยังไม่ได้รับข้อมูล เอกสารหลักฐานที่ชัดเจน แต่ก็จะมีการลงตรวจสอบสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้บางครั้งก็เป็นเรื่องของการสมยอม เพราะผู้ที่ต้องการย้ายก็ยินดีจะจ่าย คนที่จะพิจารณาก็รับเงิน แต่คนที่เดือดร้อนก็คือผู้ที่อยู่ในแถวและควรได้รับการโยกย้ายแต่ก็ไม่ได้เสียที เพราะฉะนั้นก็จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
“ปัญหาร้องเรียนว่า อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ เรียกรับเงินมีมาในทุกชุด และที่มีปัญหาเพราะอำนาจการโยกย้ายอยู่ที่ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ แม้แต่กรณีผู้แทนของคุรุสภา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯก็ยังพบปัญหาการร้องเรียนลักษณะเดียวกัน เพราะต่างคิดว่ามีอำนาจและมีอิทธิพล ดังนั้น หากใครพบเบาะแสชี้ตัวได้ ขอให้ส่งข้อมูลเข้าเพื่อจะได้สืบหาข้อเท็จจริง แต่ทุกวันนี้กลับเป็นเรื่องที่บอกอยู่ในวงกว้าง” รศ.นพ.กำจร กล่าวและว่า ทั้งนี้ ต่อไปอาจจะต้องมีองค์กร หรือ หน่วยงานเข้ามากำกับและตรวจสอบการทำงานของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ ด้วย หากพบว่า อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ มีการใช้อำนาจเกินควร เรียกร้องผลประโยชน์ ก็สามารถใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าไประงับการกระทำที่ไม่เหมาะสมได้ รวมทั้งสามารถจัดการในเรื่องของวินัยได้ด้วย ส่วนจะถึงขั้นดึงอำนาจการพิจารณาโยกย้ายให้กลับมาอยู่ที่ส่วนกลางเช่นในอดีตหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะเจตนาการกระจายอำนาจไปที่ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ ก็เพื่อให้การดำเนินการรวดเร็ว แต่ที่สุดก็มีปัญหาล่าช้าและการร้องเรียน จึงต้องมาดูสุดท้ายควรจะดึงเรื่องกลับมาที่ส่วนกลางหรือไม่ หรือ หากไม่ดึงกลับมาจะมีข้อบังคับ หรือ มาตรการใดมาดูแล เพื่อไม่ให้เกิดการเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบเกิดขึ้น และไม่ทำให้คนที่ประพฤติตนตามกติกาไม่ได้รับความเสียหาย
ด้าน นางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้รับการร้องเรียนว่า มี อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯหลายแห่งเรียกรับเงินเกี่ยวกับการย้ายครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูโยกย้าย ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ตั้งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในเขตพื้นที่ที่มีการร้องเรียนแล้ว ซึ่งก็มีทั้งที่ร้องเรียน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ ทั้งคณะและตัวบุคคล ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ามี อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ หรือบุคคลใดเรียกรับเงินตามที่มีการร้องเรียนจริง หรือยินยอมให้ผู้อื่นหาประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนเอง ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ ซึ่ง ก.ค.ศ. มีอำนาจที่จะยับยั้งคำสั่งที่ไม่ถูกต้องดังกล่าว รวมถึงเพิกถอนการเป็น อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา และหากอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ ที่ถูกร้องเรียนเป็นข้าราชการ จะถูกดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง โทษถึงปลดหรือไล่ออกจากราชการ หรือ อาจจะถูกดำเนินการคดีอาญาด้วย
ขณะเดียวกัน กำลังเร่งตรวจสอบว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวว่าเป็นเรื่องใหม่ หรือ เรื่องเก่าที่ค้างจาก อ.ก.ค.ศ. ชุดที่แล้วด้วย ทั้งนี้ หากครูและบุคลากรทางการศึกษารายใดได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว สามารถร้องเรียนมายังสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ 02-280-2835 หรือ www.otepc.go.th
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (12 มิ.ย.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีมีการร้องเรียนว่าคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา บางแห่งมีพฤติกรรมเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการย้ายครูและบุคลากรทางการศึกษา ว่า ตนได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทราบแล้ว ซึ่งตนยังไม่ได้รับข้อมูล เอกสารหลักฐานที่ชัดเจน แต่ก็จะมีการลงตรวจสอบสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้บางครั้งก็เป็นเรื่องของการสมยอม เพราะผู้ที่ต้องการย้ายก็ยินดีจะจ่าย คนที่จะพิจารณาก็รับเงิน แต่คนที่เดือดร้อนก็คือผู้ที่อยู่ในแถวและควรได้รับการโยกย้ายแต่ก็ไม่ได้เสียที เพราะฉะนั้นก็จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
“ปัญหาร้องเรียนว่า อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ เรียกรับเงินมีมาในทุกชุด และที่มีปัญหาเพราะอำนาจการโยกย้ายอยู่ที่ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ แม้แต่กรณีผู้แทนของคุรุสภา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯก็ยังพบปัญหาการร้องเรียนลักษณะเดียวกัน เพราะต่างคิดว่ามีอำนาจและมีอิทธิพล ดังนั้น หากใครพบเบาะแสชี้ตัวได้ ขอให้ส่งข้อมูลเข้าเพื่อจะได้สืบหาข้อเท็จจริง แต่ทุกวันนี้กลับเป็นเรื่องที่บอกอยู่ในวงกว้าง” รศ.นพ.กำจร กล่าวและว่า ทั้งนี้ ต่อไปอาจจะต้องมีองค์กร หรือ หน่วยงานเข้ามากำกับและตรวจสอบการทำงานของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ ด้วย หากพบว่า อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ มีการใช้อำนาจเกินควร เรียกร้องผลประโยชน์ ก็สามารถใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าไประงับการกระทำที่ไม่เหมาะสมได้ รวมทั้งสามารถจัดการในเรื่องของวินัยได้ด้วย ส่วนจะถึงขั้นดึงอำนาจการพิจารณาโยกย้ายให้กลับมาอยู่ที่ส่วนกลางเช่นในอดีตหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะเจตนาการกระจายอำนาจไปที่ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ ก็เพื่อให้การดำเนินการรวดเร็ว แต่ที่สุดก็มีปัญหาล่าช้าและการร้องเรียน จึงต้องมาดูสุดท้ายควรจะดึงเรื่องกลับมาที่ส่วนกลางหรือไม่ หรือ หากไม่ดึงกลับมาจะมีข้อบังคับ หรือ มาตรการใดมาดูแล เพื่อไม่ให้เกิดการเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบเกิดขึ้น และไม่ทำให้คนที่ประพฤติตนตามกติกาไม่ได้รับความเสียหาย
ด้าน นางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้รับการร้องเรียนว่า มี อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯหลายแห่งเรียกรับเงินเกี่ยวกับการย้ายครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูโยกย้าย ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ตั้งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในเขตพื้นที่ที่มีการร้องเรียนแล้ว ซึ่งก็มีทั้งที่ร้องเรียน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ ทั้งคณะและตัวบุคคล ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ามี อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ หรือบุคคลใดเรียกรับเงินตามที่มีการร้องเรียนจริง หรือยินยอมให้ผู้อื่นหาประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนเอง ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ ซึ่ง ก.ค.ศ. มีอำนาจที่จะยับยั้งคำสั่งที่ไม่ถูกต้องดังกล่าว รวมถึงเพิกถอนการเป็น อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา และหากอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ ที่ถูกร้องเรียนเป็นข้าราชการ จะถูกดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง โทษถึงปลดหรือไล่ออกจากราชการ หรือ อาจจะถูกดำเนินการคดีอาญาด้วย
ขณะเดียวกัน กำลังเร่งตรวจสอบว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวว่าเป็นเรื่องใหม่ หรือ เรื่องเก่าที่ค้างจาก อ.ก.ค.ศ. ชุดที่แล้วด้วย ทั้งนี้ หากครูและบุคลากรทางการศึกษารายใดได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว สามารถร้องเรียนมายังสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ 02-280-2835 หรือ www.otepc.go.th
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่