รพ.รามาฯเผยผู้ป่วยไตจากการกินเค็มอื้อ บริการฟอกไตล้นวอร์ด วันละกว่า 80 รอบ อึ้ง! ผู้ป่วยใน 40% เป็นผู้ป่วยมะเร็ง เร่งรณรงค์ลดการกินเค็ม ปรับสุตรอาหาร รพ.และผู้ป่วย เป็น รพ.ต้นแบบลดการกินเค็ม
วันนี้ (10 มิ.ย.) ศ.นพ.วินิต พัวประดิษฐ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวในงานแถลงข่าว “โรงพยาบาลต้นแบบในการลดเค็ม” ว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยจากการรับประทานเค็ม ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงถึง 11 ล้านคน โรคไต 7 ล้านคน เป็นปัญหาสาธารณสุขของไทย ซึ่งต้องเร่งแก้ปัญหา รพ.รามาธิบดีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก โดยเริ่มจากศูนย์อาหารของ รพ. ได้ปรับรสชาติให้มีความเหมาะสมกับร่างกาย โดยลดหวาน มัน และเค็มลง ทำให้ผู้ที่มา รพ.ได้รับประทานอาหารที่ดี
ศ.นพ.วินิต กล่าวว่า รพ.รามาธิบดีมีผู้ป่วยโรคที่มารักษาด้วยอาการจากการรับประทานอาหารรสเค็มจัดจำนวนมาก โดยที่หน่วยบริการโรคไต ต้องให้บริการฟอกไต วันละ 80 รอบ มีคิวผู้ป่วยรับบริการจำนวนมาก ทั้งยังพบว่า ผู้ป่วยใน ร้อยละ 40 เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมและการบริโภคอาหาร หากไม่เร่งแก้ไข อนาคตระบบสาธารณสุขจะไม่สามารถให้บริการได้ไหว จึงจำเป็นต้องเร่งรณรงค์ให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่ง รพ.รามาฯ ให้ความสำคัญร่วมมือกับเครือข่ายลดเค็ม เพื่อปรับเมนูอาหาร ทั้งของผู้ป่วยและโรงอาหารในโรงพยาบาล ลดความเค็มลง พร้อมรณรงค์ให้เห็นความสำคัญของการปรับพฤติกรรม
ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ หัวหน้าสาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาฯ กล่าวว่า การปรับสูตรอาหารเป็นการทำงานเชิงรุก และตั้งใจที่จะลดระดับการรับประทานเค็มของผู้ป่วยลง โดยการผลิตอาหารที่เหมาะสมขึ้นแก่ผู้ป่วยโรคไตและผู้ป่วยโรคต่างๆ ในโรงพยาบาลและเราได้ทำสำเร็จแล้วมาโดยตลอด จากความตั้งใจจริงนี้เอง เชื่อมั่นว่าจะเป็นโรงพยาบาลต้นแบบในการลดเค็มได้ และเราจะดำเนินการต่อไปเพื่อให้ผู้ป่วยและญาติมีสุขภาพที่ดี รวมทั้งรับประทานเค็มลดลงได้
นางธัญวรินทร์ ตั้งเสริมวงศ์ หัวหน้าฝ่ายโภชนาการ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาฯ กล่าวว่า คนไทยได้รับโซเดียมจากการรับประทานอาหารแต่ละมื้อโดยไม่รู้ตัว ซึ่งมักอยู่ในอาหารแปรรูป โดยเฉพาะจากเครื่องปรุงรส ซึ่งเป็นที่นิยมมากติด 5 อันดับ ได้แก่ น้ำปลา ซีอิ๊วขาว เกลือ กะปิ และซอสหอยนางรม จากการตรวจสอบจะพบว่าเกลือ1 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณโซเดียม 6,000 มิลลิกรัม น้ำปลา 1ช้อนโต๊ะ มีปริมาณโซเดียม 1,160-1,420 มิลลิกรัม ซีอิ๊ว 1 ช้อนโต๊ะมีปริมาณโซเดียม 960-1420มิลลิกรัม ซอสปรุงรส 1ช้อนโต๊ะมีปริมาณโซเดียม 1,150 มิลลิกรัม กะปิ 1 ช้อนโต๊ะมีปริมาณโซเดียม 1,430-1,490 มิลลิกรัมและซอสหอยนางรม1 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณโซเดียม 420-490 มิลลิกรัม และยังพบว่าอาหารถุงปรุงสำเร็จ มีปริมาณโซเดียมเฉลี่ยต่อถุง815-3,527 มิลลิกรัม อาทิ ไข่พะโล้ แกงไตปลา คั่วกลิ้ง ฯลฯ ส่วนอาหารจานเดียว มีปริมาณโซเดียม 1,000-2,000 มิลลิกรัมต่อหนึ่งจาน อาทิ ข้าวหน้าเป็ดข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู และข้าวคลุกกะปิ ฯลฯ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (10 มิ.ย.) ศ.นพ.วินิต พัวประดิษฐ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวในงานแถลงข่าว “โรงพยาบาลต้นแบบในการลดเค็ม” ว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยจากการรับประทานเค็ม ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงถึง 11 ล้านคน โรคไต 7 ล้านคน เป็นปัญหาสาธารณสุขของไทย ซึ่งต้องเร่งแก้ปัญหา รพ.รามาธิบดีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก โดยเริ่มจากศูนย์อาหารของ รพ. ได้ปรับรสชาติให้มีความเหมาะสมกับร่างกาย โดยลดหวาน มัน และเค็มลง ทำให้ผู้ที่มา รพ.ได้รับประทานอาหารที่ดี
ศ.นพ.วินิต กล่าวว่า รพ.รามาธิบดีมีผู้ป่วยโรคที่มารักษาด้วยอาการจากการรับประทานอาหารรสเค็มจัดจำนวนมาก โดยที่หน่วยบริการโรคไต ต้องให้บริการฟอกไต วันละ 80 รอบ มีคิวผู้ป่วยรับบริการจำนวนมาก ทั้งยังพบว่า ผู้ป่วยใน ร้อยละ 40 เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมและการบริโภคอาหาร หากไม่เร่งแก้ไข อนาคตระบบสาธารณสุขจะไม่สามารถให้บริการได้ไหว จึงจำเป็นต้องเร่งรณรงค์ให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่ง รพ.รามาฯ ให้ความสำคัญร่วมมือกับเครือข่ายลดเค็ม เพื่อปรับเมนูอาหาร ทั้งของผู้ป่วยและโรงอาหารในโรงพยาบาล ลดความเค็มลง พร้อมรณรงค์ให้เห็นความสำคัญของการปรับพฤติกรรม
ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ หัวหน้าสาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาฯ กล่าวว่า การปรับสูตรอาหารเป็นการทำงานเชิงรุก และตั้งใจที่จะลดระดับการรับประทานเค็มของผู้ป่วยลง โดยการผลิตอาหารที่เหมาะสมขึ้นแก่ผู้ป่วยโรคไตและผู้ป่วยโรคต่างๆ ในโรงพยาบาลและเราได้ทำสำเร็จแล้วมาโดยตลอด จากความตั้งใจจริงนี้เอง เชื่อมั่นว่าจะเป็นโรงพยาบาลต้นแบบในการลดเค็มได้ และเราจะดำเนินการต่อไปเพื่อให้ผู้ป่วยและญาติมีสุขภาพที่ดี รวมทั้งรับประทานเค็มลดลงได้
นางธัญวรินทร์ ตั้งเสริมวงศ์ หัวหน้าฝ่ายโภชนาการ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาฯ กล่าวว่า คนไทยได้รับโซเดียมจากการรับประทานอาหารแต่ละมื้อโดยไม่รู้ตัว ซึ่งมักอยู่ในอาหารแปรรูป โดยเฉพาะจากเครื่องปรุงรส ซึ่งเป็นที่นิยมมากติด 5 อันดับ ได้แก่ น้ำปลา ซีอิ๊วขาว เกลือ กะปิ และซอสหอยนางรม จากการตรวจสอบจะพบว่าเกลือ1 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณโซเดียม 6,000 มิลลิกรัม น้ำปลา 1ช้อนโต๊ะ มีปริมาณโซเดียม 1,160-1,420 มิลลิกรัม ซีอิ๊ว 1 ช้อนโต๊ะมีปริมาณโซเดียม 960-1420มิลลิกรัม ซอสปรุงรส 1ช้อนโต๊ะมีปริมาณโซเดียม 1,150 มิลลิกรัม กะปิ 1 ช้อนโต๊ะมีปริมาณโซเดียม 1,430-1,490 มิลลิกรัมและซอสหอยนางรม1 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณโซเดียม 420-490 มิลลิกรัม และยังพบว่าอาหารถุงปรุงสำเร็จ มีปริมาณโซเดียมเฉลี่ยต่อถุง815-3,527 มิลลิกรัม อาทิ ไข่พะโล้ แกงไตปลา คั่วกลิ้ง ฯลฯ ส่วนอาหารจานเดียว มีปริมาณโซเดียม 1,000-2,000 มิลลิกรัมต่อหนึ่งจาน อาทิ ข้าวหน้าเป็ดข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู และข้าวคลุกกะปิ ฯลฯ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
