xs
xsm
sm
md
lg

ข้าวกะเพราหมูกรอบไข่ดาว ๖ ร้านตามสั่ง กับ ความเหมือนที่แตกต่าง

เผยแพร่:   โดย: ดรงค์ ฤทธิปัญญา

ถ้าพูดถึงข้าวราดผัดกะเพราหมูกรอบโปะไข่ดาวร้อนๆ สักจาน คุณจะนึกถึงรสชาติยังไง?

ผมเคยตั้งคำถามนี้ผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊กส่วนตัวของผม ให้เพื่อนในสังคมออนไลน์ได้ช่วยกันตอบ บางคนก็ชอบแบบเผ็ดๆ บ้างก็ต้องผัดแห้งๆ บ้างก็น้ำแฉะๆ เค็มกำลังดี ไข่ดาวขอบๆ กรอบแต่ไข่แดงไม่สุกมาก หรือบางคนก็ขอแบบสุกๆ หมูกรอบหนังต้องกรอบเนื้อนุ่ม หรือแม้กระทั่ง ผักเยอะๆ นานาความชอบกันไป แต่ที่เห็นพ้องส่วนใหญ่ก็คือ องค์ประกอบของอาหารจานนี้ ต้องมี ข้าวสวย หมูกรอบ ใบกะเพรา กระเทียม พริกตำ ผัดกับซอสปรุงรสแล้วแต่สูตร อาทิ น้ำปลา ซอสถั่วเหลือง ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย น้ำตาล ฯลฯ และไข่ดาวปิดท้าย ... นอกนั้นถือเป็นของแถม

เราจะมาดูกันสิว่า หากผมไปสั่ง “ข้าวกะเพราหมูกรอบไข่ดาว” ในร้านอาหารตามสั่งย่าน ถนนพระอาทิตย์ - บางลำพู หน้าตาของมันจะเป็นอย่างไร!!

เท่าที่เคยสำรวจละแวกนี้ (รวมตรอกข้าวสาร และถ.ราชดำเนินกลางก่อนถึงแยกคอกวัว) มีร้านอาหารตามสั่งประมาณ ๒๐ กว่าร้าน ทั้งที่อยู่ข้างทาง และร้านตึกแถว ซึ่งก็จะมีเมนูเด็ดของอร่อยที่ต่างกันออกไป ไว้มีโอกาสผมจะพาไปเจาะแต่ละร้านว่ามีอะไรเด่นๆ บ้าง แต่ในงวดนี้เอาเฉพาะร้านที่มีหมูกรอบเป็น ๑ ในวัตถุดิบ ที่ผมพบไม่น่าจะถึง ๑๐ ร้านได้

มาเริ่มกันเลยดีกว่า เอาจากตรงตามต้นฉบับที่สุดไปสู่ร้านที่มีของแถมเยอะที่สุดแล้วกัน

(*หมายเหตุ* ผมมีข้อจำกัดในการทานเผ็ดไม่ได้มาก การวัดความเผ็ดมากหรือน้อยจากในจานจึงเกิดขึ้นหลังจากทำการเขี่ยพริกออกไปแล้ว)

ร้านแรกที่ขอนำเสนอ ดู แบบมาตรฐาน (ที่สุด) เลยดีกว่าครับ ... ผมขอแนะนำ ร้าน "โกยี" อาหารตามสั่งเจ้าเก่าแก่อีกแห่งในย่านบางลำพู อยู่บน ถ.พระสุเมรุ ใกล้ๆ ร้านบะหมี่ญี่ปุ่นฮะจิบัง ที่นี่มีหลายอย่างที่ขึ้นชื่อ เช่น ข้าวผัดหนำเลี๊ยบ แต่คราวนี้ต้องขอเป็นเมนูข้าวกะเพราหมูกรอบไข่ดาวเท่านั้น นั่งรอไม่นานนักลุงก็นำมาเสิร์ฟ ที่ผมบอกว่า น่าจะเป๊ะก็เพราะในจานนี้ ไม่มีอะไรที่แถมมาในจานเลย รู้สึกว่าร้านนี้ใช้น้ำปลาและซอสหอยนางรมปรุง จึงไม่เค็มเท่าไหร่นัก ผัดค่อนข้างแห้งดี และเนื่องจากใช้พริกทุบจึงมีรสเผ็ดน้อยที่สุดในทั้ง ๖ ร้านที่กินมา

ส่วนหมูกรอบหนังกรอบไม่เหนียวเลย ตัวเนื้อก็นุ่ม เค็มเกลือนิดๆ มีมันแซมทุกชั้นของชิ้นหมู ไข่ดาวทอดจนขอบกรอบ ไข่แดงสุกรอบนอก แต่ข้างในสุดยังมันเยิ้ม ข้าวก็เป็นเม็ดสวยและรสสัมผัสนุ่มดี โดยรวมก็อร่อยครับ ถ้าชอบเค็มใส่น้ำปลาพริกเยาะสักนิดกำลังดี อ่อ น้ำเปล่าร้านนี้ใช้น้ำชานะครับ ราคาสำหรับมื้อนี้ ๕๐ บาท

จานต่อมาอยู่ไม่ไกลจากร้านเดิม ไม่สิต้องพูดว่าอยู่ติดกันเลยต่างหาก ชื่อร้านว่า "ไต้จง" ข้อสังเกตุคือ หน้าร้านจะมีปอเปี๊ยะสดขาย เป็นอาหารตามสั่งเจ้าเก่าแก่พอๆ กัน ว่าแล้วก็สั่งเลยดีกว่า ปกติ ๒ ร้านนี้ถือว่าเป็นที่นิยมมาก ช่วงพักเที่ยงนี่ เต็มตลอด ผมจึงต้องเลี่ยงมากินตอนบ่ายอ่อนๆ หลีกหนีความวุ่นวายได้ดีเหมือนกันนะ รอสักพักเขาก็นำมาเสิร์ฟ ดูผิวเผินจานนี้ของไต้จง ก็ไม่ต่างกับโกยีเท่าไหร่ แต่แท้จริงแล้ว ที่นี่เขาใช้พริกตำครับ และยังเพิ่มความเผ็ดด้วยพริกชี้ฟ้า จึงเผ็ดร้อนกว่าแต่ก็กำลังกินได้ ผัดกับกระเทียมและซอสปรุงรส น้ำปลา (น่าจะใช่นะ) รสออกเค็มกำลังดีเมื่อทานกับข้าวและไข่ดาว

เนื้อหมูกรอบแน่นมันน้อยและเหนียวนุ่มอร่อย ส่วนหนังก็บางกรอบดี ไข่ดาวทอดขอบไม่กรอบ ส่วนไข่แดงไม่สุก ถ้าคนชอบก็จะชอบ (ผมก็กินได้ไม่ใช่ปัญหา) ข้าวนุ่มไม่แหยะดี โดยรวมก็อร่อยดี มื้อนี้ ๕๐ บาท น้ำเปล่าใช้ใบเตยต้มหอมๆ แนะนำให้เสีย ๒ บาทเพื่ออรรถรสที่ดีครับ

จานที่ ๓ อยู่บน ถ.ไกรสีห์ หน้าอาคารจอดรถกรุงเทพมหานคร เป็นร้านเพิงริมทางที่ชื่อว่า "แหม่ม" อยู่ติดกับร้านต้มยำกุ้งชื่อดังที่อยู่ปากทางเข้าลานจอดรถ (ตอนแรกจะทานร้านนั้น แต่เขาบอกว่าไม่มีไข่ดาว เลยไม่ได้ทาน เดี๋ยวจะผิดคอนเซ็ปท์ ฮ่าๆ) ที่ร้านใช้พนักงานเป็นชาวต่างชาติ อาจต้องใช้ความพยายามในการสื่อสารนิดนึง และข้าวกะเพราหมูกรอบไข่ดาวเจ้านี้ ก็ออกมาได้น่ากินเลย ไม่มีผักใดๆ แถมมาเช่นกัน ใช้พริกตำและพริกชี้ฟ้าหั่นเฉียงทำเอาเผ็ดพอควร ที่แปลกจากร้านอื่นคือเขาใช้น้ำพริกเผาผัดปรุงรสด้วย จนทำให้มีรสหวานแซมขึ้นมา มันเลยทำให้จานนี้คล้ายผัดพริกเผามากกว่า แต่รสชาติเข้มข้นดี

มาดูกันที่หมูกรอบ ถึงแม้สีด้านนอกจะดูเข้ม แต่ภายในก็หนาแน่นดี เว้นเพียงหนังที่ออกกระด้างไปนิด ผมเดาเอาว่าน่าจะหมักด้วยซอสปรุงรสจึงรสติดเค็มพอควร ส่วนข้าวใช้ข้าวปกติ จึงไม่นุ่มมาก ตบท้ายด้วยไข่ดาวที่ทอดด้านนอกจนขอบกรอบแต่ภายในไม่สุกดี เออชอบแหะ รวมๆ ก็อร่อยดีครับ แต่มื้อนี้โดนไป ๖๐ บาทจ้า

จานที่ ๔ ผมพาเข้าซูปเปอร์มาร์เก็ตครับ ร้านนี้อยู่ในห้างสรรพสินค้าเล็กๆ ที่ชื่อว่า "สหกรณ์กรุงเทพฯ" สาขาบางลำพู บน ถ.จักรพงษ์ เป็นห้าง ๒ ชั้น ชั้นบนก็มีสินค้าเบ็ดเตล็ดขาย มีลานร้องคาราโอเกะให้ผู้สูงอายุได้นั่งร้องเพลงรำลึกความหลังกันด้วย ส่วนชั้นล่างก็ขายเครื่องบริโภคทั่วไป มีโซนขายเครื่องสำอางค์และชุดชั้นใน ซึ่งเป้าหมายของเราอยู่ในชั้นนี้ล่ะครับ ... เข้าเรื่องดีกว่า ข้าวกะเพราหมูกรอบไข่ดาวของเจ้านี้ก้ยังคงเหมือนกับ ๓ เจ้าแรก แต่ที่ต่างคือแกใส่กระเทียมมาให้เป็นเม็ดเลยครับ ใช้พริกตำและพริกทุบ ผัดเน้นไปทางซอสปรุงรส สีจึงเข้มและน้ำไม่ค่อยแห้งเท่าไหร่ ที่สำคัญเขาใส่ถั่วฝักยาวด้วยแหะ

แต่เชื่อมั้ยว่า เห็นอย่างนี้กลับรสค่อนข้างเผ็ดเลยล่ะ หมูกรอบเนื้อแน่นดี แต่หนังกลับเหนียวไปเสีย ตัวข้าวใช้ข้าวหอมแต่มันนุ่มเกินไปหน่อยพอผสมน้ำกะเพราเลยออกแหยะๆ นิดๆ ไข่ดาวทอดแบบอาหารฝรั่ง ตรงกลางไม่สุก แถมวางโปะบนข้าวก็ดันแตกเป็นลาวาไหลลงมาเลยซะงั้น น่าสนใจดี ส่วนรสชาติก็ใช้ได้ตามมาตรฐานครับ ค่าเสียหายทั้งหมด ๖๕ บาท ก็พอเข้าใจครับว่าราคาสูงหน่อยเพราะเป็นร้านติดแอร์

นั่งพักให้คลายร้อนสักพัก จนใจเย็นแล้วก็พาออกมาสู้ไอแดดอันร้อนแรงกันบ้าง ... ร้านต่อไปเป็น “เพิงเล็กๆ อยู่ในซอยข้างๆ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเก่า” ที่ถูกทุบจนตอนนี้เป็นเพียงลานโล่งๆ ที่ล้อมด้วยสังกะสี ร้านนี้ไม่มีชื่อ แต่เป็นขวัญใจของคนแถวนี้โดยเฉพาะพนักงานบริษัทเพราะราคาไม่แพงและอร่อย และข้าวกะเพราหมูกรอบไข่ดาวร้านนี้ก็ดูน่าสนใจไม่น้อยครับ ที่นี่ใช้พริกตำ พริกชี้ฟ้า และพริกหยวก ปรุงรสด้วยน้ำปลาและซอส รสออกมาจึงเผ็ดมาก แล้วมีถั่วฝักยาวแถมมาให้ด้วย

ทีเด็ดของร้านอยู่ที่หมูกรอบครับ เจ้านี้เอาหมูสามชั้นไปชุบแป้งปรุงรสทอดให้เป็นหมูกรอบ เหมือนที่เคยกินสมัยเรียนมัธยม ฮ่าๆๆ มันก็กรอบดี ส่วนไข่ดาวกรอบนอก ไข่แดงสุกไม่มีน้ำเยิ้มเลย ข้าวก็ใช้ข้าวขาวธรรมดาครับ แต่โดยรวมก็อร่อยดี กินไปเหงื่อผลั่กๆ ทั้งเผ็ด ทั้งร้อน แต่ก็ได้บรรยากาศบ้านๆ ดี จานนี้ ๕๐ บาทครับ

และจานสุดท้ายของผมเป็นร้านอาหารตามสั่งเก่าแก่ของคนย่านพระอาทิตย์และชาวผู้จัดการที่มาฝากท้องกันเป็นประจำนั่น อยู่ตรง ทางเชื่อมซอยโรงไหมกับซอยรามบุตรี หลังวัดชนะสงครามฯ ติดกับโรงเรียนข่าวทหารบก ที่ขึ้นชื่อเพราะแกให้เยอะและรสชาติดี (ผมก็มากินบ่อย) และเราจะมาลองข้าวกะเพราหมูกรอบไข่ดาวที่นี่กันครับ ... ผลที่ได้มาก็คือ ... ผัดกะเพรารวมมิตรผัก!! ผมว่าร้านนี้อินดี้ที่สุดเท่าที่เคยกินมาแล้วล่ะครับ เขาใช้พริกจากน้ำปลาพริกมาผัดกับซอสปรุงรส และใส่ผักแถมมาให้นอกจากใบกะเพรา ก็มีทั้งถั่วฝักยาว หน่อไม้ ข้าวโพดอ่อน และคะน้า!! รสที่ออกมาก็เค็มกำลังดี พอทานเข้ากับผักก็ทำให้กะเพราจานนี้ไม่เหมือนชาวบ้านเขาสักเท่าไหร่

ตัวหมูกรอบทอดจนย่อส่วน กรอบไปหมด ข้าวก็เป็นข้าวขาวปกติ ส่วนไข่ดาวก็ไม่กรอบเท่าไหร่ ไข่แดงไม่สุก แต่พอกินโดยรวมกลับอร่อยจนไม่น่าเชื่อ ยิ่งถ้าชอบเค็มควรเติมน้ำปลาพริกสักนิดแล้วจะติดใจ และเห็นเยอะขนาดนี้ ราคาแค่ ๔๐ บาทเท่านั้น!!

ที่ผมนำเสนอนี่ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ละร้านมาเปรียบเทียบว่าอันไหนดีหรือไม่กันนะ ในมุมของผมมองว่า สิ่งเหล่านี้มันคือ "เสน่ห์" ของร้านอาหารตามสั่งแบบไทยๆ ที่เราคงได้เจอกันทั่วประเทศ นั่นคือ “เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า ไอ้ที่เราสั่งไปมันจะออกมาตามรูปแบบของชนิดอาหารที่ใจเราคิดหรือไม่” หากเราเพิ่งเคยเข้าไปรับประทานร้านนั้นเป็นครั้งแรก ซึ่งบรรดาแม่ครัว พ่อครัว เหล่านี้ก็สามารถดัดแปลงให้เป็นสไตล์ของตัวเองได้หมด ผมว่า มันก็สนุก เหมือนได้ลุ้นดีนะ

มันก็วกเข้าไปสู่เรื่องหนึ่งที่เคยวิพากษ์วิจารณ์กันที่ว่าร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอิเลฟเว่นขายอาหารตามสั่งจะมาแย่งลูกค้าจนทำให้เจ้าของกิจการเหล่านี้เจ๊งกันระนาวผมก็ว่าคงไม่เสียทีเดียว เพราะในเซเว่นเองเขาก็มีมาตรฐานเหมือนกันทุกสาขา (ที่เปิดอาหารตามสั่ง) ทั้งสภาพอาหารและรสชาติ ตามรูปแบบแผนที่เขาสังเคราะห์ไว้ แน่นอนก็คงมีคนที่ชอบ แต่สิ่งที่เขาไม่มีก็คือความพิเศษของทักษะในการปรุงและดัดแปลงวัตถุดิบหรือที่เรียกว่า “รสมือ” ของแม่ครัวแต่ละร้านตามสั่งที่เลียนแบบกันได้ยาก ... ทุกคนต่างมีวิธีการปรุงอาหารให้อร่อยอันเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่โดดเด่นเฉพาะตน นี่คือจุดเด่นที่จะทำให้พวกเขายังอยู่กันได้

และเราเองก็สามารถสั่งให้พ่อครัว แม่ครัวเหล่านั้นทำตามที่ใจปราถนาได้เช่นกัน เอาไอ้นั่น ไม่เอาไอ้นี่ ทั้งผักและเนื้อสัตว์ ด้วยการ (ให้เขา) เขียนกำกับเวลาสั่งอย่างชัดแจ้ง (เพราะปัญหาที่เจอบ่อยคือ หลายคนสั่งด้วยปากเวลาเขายุ่งๆ แล้วแม่ครัวมักจะลืมจนทำผิดพลาด กลายเป็นประเด็นดราม่ากันไปใหญ่) เอาวัตถุดิบมาผสมผสานตามสไตล์ของแต่ละคน แบบฟรีๆ หรือเพิ่มเงินนิดหน่อยหากเป็นเนื้อสัตว์

ส่วนจะอร่อยหรือไม่ .. ก็แล้วแต่บุญพาวาสนาส่งครับ...

กำลังโหลดความคิดเห็น