“วิโรจ อิ่มพิทักษ์” นายกสภา มก. ชุดใหม่ เปิดโต๊ะแถลงทิศทางนำ มก. ออกนอกระบบ ทำงานภายใต้หลักการ KU ++2558 Super Plus ร่วมกับฝ่ายบริหาร เน้นทำงานเชิงรุก ใช้หลักธรรมภิบาล ยันการปลี่ยนสถานภาพทุกอย่างดีขึ้นกว่าเดิม
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) บางเขน รศ.ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์ นายกสภา มก.ชุดใหม่ แถลงแนวทางการนำพามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สู่การเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ หรือออกนอกระบบ ว่า ขณะนี้ พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อยู่ระหว่างเสนอลงพระปรมาภิไธย และ จะประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้น ในปี 2558 มก. เปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ซึ่งจะทำให้การบริหารมหาวิทยาลัยมีความคล่องตัวมีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ และที่สำคัญ มหาวิทยาลัยจะพัฒนามากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ดังนั้น สภามหาวิทยาลัยจะต้องมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อมหาวิทยาลัยก้าวสู่อนาคต โดยเป้าหมายต่อไปสภา มก. จะต้องทำงานเชิงรุก และสร้างให้เกิดความพร้อมการออกนอกระบบอย่างราบรื่น โดยขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการพัฒนามหาวิทยาลัย จัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยที่ครอบคลุมด้านวิชาการ การบริการวิชาการ การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และการบริหารงานทั่วไป จัดตั้งสำนักงานสภาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับหน่วยงานรองรับภารกิจของสภาวิทยาลัย และเปิดเว็บไซต์ Kasetsart University Council:council.ku.ac.th เพื่อให้ข้อมูลบุคลากร นิสิตและประชาชนทั่วไป ทราบถึงการดำเนินงานต่างๆของมหาวิทยาลัย
“สภา มก. ชุดใหม่จะทำงานตามหลักการของ KU ++2558 Super Plus คือ การมีส่วนร่วมระหว่างสภามหาวิทยาลัยกับฝ่ายบริหาร โดยใช้หลักธรรมาภิบาล มีการกำหนดหน้าที่การทำงานชัดเจน ซึ่งสภาจะกำหนดนโยบายให้ฝ่ายบริหารนำไปดำเนินการ โดยสภาจะกำกับดูแลตรวจสอบ และประเมินการบริหารงานของฝ่ายบริหาร ขณะเดียวกัน สภาต้องมีการประเมินบทบาทและหน้าที่ของตนเองทุกปี และต้องได้รับการตรวจสอบและประเมินจากภายนอกด้วย ยืนยันว่า สภากับผู้บริหารจะไม่มีการเกาหลังกัน ที่สำคัญ ตลอด 72 ปี มก. ยังคงยึดมั่นอุดมการณ์มุ่งสร้างศาสตร์แห่งแผ่นดิน เพื่อความกินดีอยู่ดีของชาติ โดยนำ 3 ศาสตร์ คือ 1. ศาสตร์พระราชา น้อมนำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นกำหนดเป็นหลักของมหาวิทยาลัย คือ การเป็น “ศาสตร์ ของแผ่นดิน” 2. ศาสตร์ชุมชน มุ่งสร้างความกินดีอยู่ดีของชาติ ตามเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัย และ 3.ศาสตร์สากล เพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการที่จะมาบูรณการสร้างองค์ความรู้ใหม่ เพื่อการพัฒนาชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างแท้จริง” รศ.ดร.วิโรจ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่