xs
xsm
sm
md
lg

เลิกใช้ “วัคซีนโปลิโอ” หลังพบกลายพันธุ์ เสี่ยงระบาด ใช้ชนิดฉีดพ่วงหยอดแทน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ไทยเลิกใช้ “วัคซีนโปลิโอ” ชนิดหยอดรวม 3 สายพันธุ์ตามคำแนะนำ WHO หลังพบเด็กรับวัคซีนแล้วไวรัสสายพันธุ์ 2 กลายพันธุ์ ทำเด็กป่วยโปลิโอพ่วงเกิดการระบาด บรรจุวัคซีนชนิดฉีดสายพันธุ์ 2 เป็นวัคซีนพื้นฐาน ฉีดร่วมวัคซีนชนิดหยอดสายพันธุ์ 1 และ 3 กรมวิทย์เผยผลตรวจคุณภาพวัคซีนชนิดฉีดล็อตแรกผ่านแล้ว คาดเริ่มฉีดได้ก่อนสิ้นปีนี้

นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันวัคซีนโปลิโอมี 2 ชนิด คือ 1. ชนิดหยอดรับประทาน เรียกว่า OPV เป็นวัคซีนเชื้อเป็นชนิดอ่อนฤทธิ์รวม 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เซบิน 1 2 และ 3 และ 2. ชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อเรียกว่า IPV เป็นวัคซีนแบบเชื้อตาย ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังคงใช้วัคซีนชนิดหยอดรับประทานอยู่ แต่ที่ผ่านมามีข้อมูลว่า เด็กที่ได้รับวัคซีนหยอดรับประทานจะเกิดผลข้างเคียงขึ้น 2 แบบ คือ เกิดอาการแบบโรคโปลิโอขึ้น แต่ไม่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดต่อไปสู่ผู้อื่น ถือเป็นคนโชคร้ายเพราะกรณีนี้พบได้ 1 ในล้านคนที่ได้รับวัคซีน ต้องรักษาเหมือนคนป่วยโปลิโอตั้งแต่เด็ก ส่วนอาการข้างเคียงแบบที่สองนั้นรุนแรงกว่า เพราะนอกจากเกิดอาการแบบโปลิโอแล้วเชื้อโปลิโอยังเกิดการกลายพันธุ์ เป็นสาเหตุให้เกิดการระบาดในอดีตด้วย ซึ่งกรณีนี้ยังไม่ทราบว่าโอกาสเกิดขึ้นมากน้อยอย่างไร แต่พบว่ามักเกิดการกลายพันธุ์ในวัคซีนโปลิโอสายพันธุ์เซบิน 2 มากกว่า 90%

นพ.อภิชัย กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงมีแผนการปรับเปลี่ยนการให้วัคซีนแบบใหม่ เป็นการให้วัคซีนชนิดหยอดรับประทาน 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เซบิน 1 และ 3 เรียกว่า bOPV ร่วมกับการให้วัคซีน IPV ชนิดฉีดในสายพันธุ์เซบิน 2 เพราะชนิดฉีดไม่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ ทดแทนการให้วัคซีนเดิมรวม 3 สายพันธุ์ โดย WHO แนะนำให้ทุกประเทศใช้วัคซีน IPV ก่อนสิ้นปี 2558 และใน เม.ย. 2559 กำหนดให้โรงงานหยุดผลิตวัคซีนเดิมชนิดรวม 3 สายพันธุ์ ทุกประเทศจะทำลายวัคซีนเดิมที่เหลือ ซึ่งคาดว่าจะช่วยทำให้ทั่วโลกมีโอกาสบรรลุเป้าหมายปิดฉากสุดท้ายของการกวาดล้างโปลิโอได้มากขึ้น และลดการเกิดโรคโปลิโอที่เป็นผลข้างเคียงจากการได้รับวัคซีนชนิด 3 สายพันธุ์ได้ ขณะนี้หลายประเทศได้ตกลงและดำเนินการตามคำแนะนำของ WHO แล้ว

“สำหรับประเทศไทยในขณะนี้มีความพร้อมที่จะให้วัคซีนโปลิโอชนิดฉีด IPV แล้ว เนื่องจากคณะกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติได้พิจารณานำวัคซีนดังกล่าวมาใช้ในแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศ หรือเป็นหนึ่งในวัคซีนพื้นฐานที่จะให้แก่เด็ก ขณะนี้ได้จัดซื้อเข้ามาแล้ว แต่จะต้องผ่านการตรวจคุณภาพมาตรฐานก่อนโดยสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งสามารถตรวจสอบคุณภาพได้ โดยล็อตแรกได้ตรวจคุณภาพเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่า คงสามารถนำมาใช้ฉีดให้แก่เด็กได้ก่อนสิ้นปีนี้ตามที่ WHO กำหนด นอกจากนี้ สถาบันชีววัตถุ ยังทำการตรวจคุณภาพวัคซีน IPV ให้แก่ประเทศใกล้เคียงด้วย เนื่องจากไม่ใช่ทุกประเทศที่จะสามารถตรวจคุณภาพวัคซีนได้” อธิบดีกรมวิทย์ กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น