xs
xsm
sm
md
lg

ศธ.จ่อชง ครม.ขอทุนช่าง 3 หมื่นล้าน สร้างเด็กสายอาชีพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศธ. จ่อชง ครม. ไฟเขียว ทุนช่างเทคนิคฯ พัฒนาเด็กสายอาชีพสร้างโอกาสเรียนทั้งในและต่างประเทศ 11,500 ทุน ใช้งบกว่า 3 หมื่นล้าน “ณรงค์” มั่นใจคุ้มค่าเพราะช่วยแก้ปัญหา ฝากผู้บริหาร สอศ. ช่วยสอดส่องพฤติกรรมเด็ก เน้นการให้โอกาสการศึกษาและ จัดโครงการเยี่ยมบ้านเด็กหัวโจก

วันนี้ (27 พ.ค.) ที่วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวเปิดประชุมผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เรื่องการพัฒนาคุณภาพการจัดอาชีวศึกษาสู่โลกอาชีพตอนหนึ่ง ว่า รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้ความสำคัญเป็นพิเศษด้านการเรียนอาชีวศึกษา เพราะอาชีวศึกษามีความสำคัญต่อการพัฒนาชาติ และรัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ โครงการบริหารจัดการน้ำ โครงการระบบกำจัดขยะ เป็นต้น ซึ่งในปลายปีนี้ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบก็จะมีการเคลื่อนย้ายแรงงานมากขึ้น โดยเฉพาะกำลังคนในสายอาชีพ ดังนั้น สอศ. ก็ควรเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรเพื่อรองรับในเรื่องนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในส่วน ศธ. ได้มีการพัฒนาการเรียนการสอน รวมถึงการปรับภาพลักษณ์ของอาชีวศึกษา เพื่อสร้างความไว้วางใจให้แก่ผู้ปกครองและนักเรียนมากขึ้น โดยปีนี้ ศธ. จะเดินหน้าปฏิรูปการศึกษาเต็มรูปแบบ ซึ่งในส่วนของการส่งเสริมอาชีวะนั้นก็ได้จัดเตรียมโครงการต่างๆ เพื่อให้เด็กที่เรียนในสายอาชีพได้รับการพัฒนาศักยภาพ อาทิ โครงการทุนช่างเทคนิคและบัณฑิตนักปฎิบัติ เป็นโครงการระยะยาว 15 ปี 5 รุ่น ให้ทุนทั้งสิ้น 11,500 ทุน แบ่งเป็นในประเทศ 3,500 ทุน และต่างประเทศ 8,000 ทุน ใช้งบประมาณ จำนวน 30,300 ล้านบาท ซึ่งเร็วๆ นี้ ตนจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเชื่อว่า ครม. จะให้ความเห็นชอบ และจะสามารถเปิดรับผู้เข้าร่วมโครงการได้ในปี 2558 นี้ทันที แม้จะใช้งบประมาณสูงแต่ก็ถือว่าคุ้มค่า และช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนครู

“ผมฝากให้ผู้บริหารอาชีวะทุกคนเปิดกว้างให้เด็กทุกคนได้มีโอกาสเข้าเรียนให้ได้รับการศึกษา พร้อมสอดส่องดูแลเด็กที่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง เพื่อให้เด็กไม่เกินไปในทางที่ผิด ขณะเดียวกัน ขอให้ทำความร่วมมือกับสถานประกอบการ โดยดูว่าในพื้นที่ต้องการแรงงานในสาขาใด เพื่อที่จะผลิตนักศึกษาได้ตรงตามความต้องการ นอกจากนี้ ขอให้ดูแลเด็กที่ออกกลางคัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก ม.3 และ ม.6 และพบว่ามีจำนวนมาก โดยให้เด็กเหล่าได้รับโอกาสการมีงานทำแม้จะหลุดออกจากระบบการศึกษาไปแล้วแต่ก็ยังสามารถทำงานได้ ขณะเดียวกัน ในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่อยากให้สถานศึกษาดูแลปัญหาลักลอบรับน้อง และปัญหาทะเลาะวิววาทด้วย พร้อมทั้งให้ช่วยคิดหาวิธีลดปัญหาความรุนแรงระหว่างสถาบัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์จนกลายเป็นภาพลบได้ อีกทั้งจะเป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มผู้เรียนในสายอาชีพได้” รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า นอกจากนี้ ขอให้ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ครู บุคลากร รวมทั้งนักเรียนนักศึกษา เพราะหากมีผู้นำที่ดีจะสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่สังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากการเปิดประชุม รมว.ศึกษาธิการ ได้พูดคุยกับผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 21 แห่ง โดยขอให้ผู้บริหารจัดโครงการเยี่ยมบ้านนักเรียนและผู้ปกครองที่เป็นเด็กกลุ่มเสี่ยง เพื่อร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่








กำลังโหลดความคิดเห็น