เด็กทั่วโลกตายจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนปีละ 1.5 ล้านคน สะท้อนการให้วัคซีนยังไม่ครอบคลุม พบครอบคลุมเพียง 84% WHO ตั้งเป้าต้องครอบคลุมมากกว่า 90% ขณะที่ไทยได้รับการชื่นชม ให้วัคซีนพื้นฐานครอบคลุมถึง 95% ฟุ้งขยายการให้วัคซีนในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ - ย้ายถิ่น
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก ที่สวิตเซอร์แลนด์ ไทยได้ร่วมสหรัฐอเมริกาและคองโกจัดประชุมคู่ขนาน “การบรรลุเป้าหมายระดับโลกในแผนการสร้างความครอบคลุมในการให้บริการวัคซีนพื้นฐานเพื่อป้องกันโรค” ซึ่งภายในงานองค์การอนามัยโลกได้เปิดเผยถึงสถานการณ์การให้วัคซีนป้องกันโรคในภาพรวมทั่วโลกว่า ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยปี 2556 การให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก หัด และโปลิโอทั่วโลกครอบคลุมเฉลี่ยเพียง 84% แต่เป้าหมายคือต้องครอบคลุมมากกว่า 90% ซึ่งขณะนี้มีเด็กทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนปีละประมาณ 1.5 ล้านคน และยังพบระบาดของโรคหัดในบางประเทศ เป็นเครื่องบ่งชี้ความไม่ครอบคลุมวัคซีน และได้รับวัคซีนไม่ครบตามกำหนด
“องค์การอนามัยโลกจึงสนับสนุนให้ขยายความครอบคลุมการให้วัคซีนแก่ประชากรของแต่ละประเทศให้ได้สูงกว่า 90% ภายในปี 2563 โดยเฉพาะวัคซีนป้องกันโปลิโอ เด็กทุกคนจะต้องได้รับ เพื่อกวาดล้างให้โรคนี้หมดไปจากโลก โดยให้แต่ละประเทศ ส่งเสริมศักยภาพสถานพยาบาลท้องถิ่นให้บริการวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และให้ถือว่าการฉีดวัคซีนเป็นงานประจำที่มีความสำคัญเพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจึงจะสามารถบรรลุผลเป้าหมายได้ อย่างไรก็ตาม พญ.มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ชื่นชมไทยที่สามารถให้วัคซีนพื้นฐานแก่ประชาชน เช่น วัณโรค คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอ ไวรัสตับอักเสบบี หัด คางทูม หัดเยอรมัน ไข้สมองอักเสบเจอี เป็นต้น ได้ครอบคลุมมากกว่า 95%” รมว.สธ. กล่าว
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ภายในงานไทยได้เสนอมาตรการรักษาความครอบคลุมการให้วัคซีน คือ การขยายระบบบริการให้วัคซีนขั้นพื้นฐานในกลุ่มแรงงานต่างด้าวและครอบครัวที่มาใช้แรงงานในไทย รวมทั้งกลุ่มผู้ทำงานก่อสร้างที่เปลี่ยนที่อยู่บ่อย โดยจัดบริการฉีดวัคซีนที่สถานพยาบาลในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้กลุ่มเหล่านี้เข้าถึงบริการได้สะดวก
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก ที่สวิตเซอร์แลนด์ ไทยได้ร่วมสหรัฐอเมริกาและคองโกจัดประชุมคู่ขนาน “การบรรลุเป้าหมายระดับโลกในแผนการสร้างความครอบคลุมในการให้บริการวัคซีนพื้นฐานเพื่อป้องกันโรค” ซึ่งภายในงานองค์การอนามัยโลกได้เปิดเผยถึงสถานการณ์การให้วัคซีนป้องกันโรคในภาพรวมทั่วโลกว่า ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยปี 2556 การให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก หัด และโปลิโอทั่วโลกครอบคลุมเฉลี่ยเพียง 84% แต่เป้าหมายคือต้องครอบคลุมมากกว่า 90% ซึ่งขณะนี้มีเด็กทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนปีละประมาณ 1.5 ล้านคน และยังพบระบาดของโรคหัดในบางประเทศ เป็นเครื่องบ่งชี้ความไม่ครอบคลุมวัคซีน และได้รับวัคซีนไม่ครบตามกำหนด
“องค์การอนามัยโลกจึงสนับสนุนให้ขยายความครอบคลุมการให้วัคซีนแก่ประชากรของแต่ละประเทศให้ได้สูงกว่า 90% ภายในปี 2563 โดยเฉพาะวัคซีนป้องกันโปลิโอ เด็กทุกคนจะต้องได้รับ เพื่อกวาดล้างให้โรคนี้หมดไปจากโลก โดยให้แต่ละประเทศ ส่งเสริมศักยภาพสถานพยาบาลท้องถิ่นให้บริการวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และให้ถือว่าการฉีดวัคซีนเป็นงานประจำที่มีความสำคัญเพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจึงจะสามารถบรรลุผลเป้าหมายได้ อย่างไรก็ตาม พญ.มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ชื่นชมไทยที่สามารถให้วัคซีนพื้นฐานแก่ประชาชน เช่น วัณโรค คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอ ไวรัสตับอักเสบบี หัด คางทูม หัดเยอรมัน ไข้สมองอักเสบเจอี เป็นต้น ได้ครอบคลุมมากกว่า 95%” รมว.สธ. กล่าว
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ภายในงานไทยได้เสนอมาตรการรักษาความครอบคลุมการให้วัคซีน คือ การขยายระบบบริการให้วัคซีนขั้นพื้นฐานในกลุ่มแรงงานต่างด้าวและครอบครัวที่มาใช้แรงงานในไทย รวมทั้งกลุ่มผู้ทำงานก่อสร้างที่เปลี่ยนที่อยู่บ่อย โดยจัดบริการฉีดวัคซีนที่สถานพยาบาลในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้กลุ่มเหล่านี้เข้าถึงบริการได้สะดวก
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
