รศ.พญ.ไพรัลยา นาควัชระ
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
รู้มั้ย ?…“เบาหวานไม่ได้เป็นโรคที่เกิดกับผู้ใหญ่เท่านั้น เด็กและวัยรุ่นก็เป็นเบาหวานได้”
โรคเบาหวาน อดีตเป็นโรคที่เรื้อรัง เนื่องจากร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง โดยปกติเวลาเรารับประทานอาหารเข้าไป สารอาหารจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลและร่างกายจะนำน้ำตาลไปใช้ให้เกิดพลังงาน โดยการนำเข้าไปในเซลล์หรือหน่วยเล็ก ๆ ของร่างกายเพื่อเอาไปเผาผลาญ สารเคมีหรือฮอร์โมนที่ทำหน้าที่เอาน้ำตาลเข้าเซลล์ คือ ฮอร์โมนอินสูลิน (Insulin) ที่สร้างและหลั่งมาจากตับอ่อน แต่ปัจจุบัน เป็นเพียงโรคประจำตัวที่เมื่อผู้เป็นเบาหวานสามารถจัดการตนเองให้ ควบคุมระดับน้ำตาลที่ใกล้เคียงปกติ สามารถ ดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข
ในผู้ป่วยเบาหวาน เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป ร่างกายจะไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้ เนื่องจากร่างกายขาดอินสูลินหรืออินสูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี จึงเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และผลที่ตามมาคือ “โรคเบาหวาน” กล่าวคือ ผู้ป่วยจะปัสสาวะบ่อย มีน้ำตาลออกมาในปัสสาวะ และหากมีอาการรุนแรง ร่างกายจะสลายไขมันมาใช้เป็นพลังงานแทนน้ำตาล สารที่ได้เรียกว่า “กรดคีโตน” ทำให้มีอาการหายใจหอบลึก และอาจทำให้ระบบหารหายใจล้มเหลวได้
อย่างไรก็ดี ชนิดของ เบาหวานในเด็กและวัยรุ่น มีชนิดย่อยหลายชนิด แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 DM) พบได้ประมาณ ร้อยละ 70-80 ของเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น อายุ น้อยกว่า 15ปี เบาหวานชนิดที่ 1 ในประเทศไทย จากข้อมูลล่าสุดมี ประมาณ 3 % ของผู้ป่วยเบาหวานทั่วประเทศ มีสาเหตุเกิดจากการที่ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อต้านเซลล์ของตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน ทำให้ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ (ร่างกายขาดอินซูลิน) เมื่อแรกพบ ผู้ป่วยมักจะมีอาการน้ำหนักลด ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ บางรายรุนแรงมีกรดคั่งในเลือด
สาเหตุที่ตับอ่อนถูกทำลาย ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่จากหลักฐานทางการแพทย์คาดว่า เกิดจากปัจจัยทางกรรมพันธุ์ การติดเชื้อบางอย่างเป็นตัวกระตุ้น การรักษาโดยการฉีดฮอร์โมนอินซูลินเข้าผิวหนัง วันละ 2-4 ครั้งและจัดการอาหารในแต่ละมื้อให้สมดุลกับยาฉีดอินซูลิน ซึ่ง
ขณะนี้ยังไม่มีการรักษาที่ทำให้หายขาด และยังไม่พบวิธีที่จะป้องกันแพทย์และนักวิจัยต่างพยายามหาวิธีป้องกันในเด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กที่มีพี่น้องป่วยเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 และวิธีการรักษาโดยการปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อน ซึ่งยังต้องติดตามผลการวิจัยต่อไป
เมื่อใดควรมาพบแพทย์ เป็นคำถามที่ดี ถ้าบุตรหลานของท่านมีอาการผิดปกติที่น่าสงสัยว่าอาจเป็นเบาหวาน
เช่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ กินจุ ผอมลง ปัสสาวะมีมดตอม เป็นแผลหายช้า ติดเชื้อที่ผิวหนัง หรือมีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นเบาหวาน หรือมีปื้นดำที่คอ ควรพาเด็กมาพบกุมารแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
วิธีการตรวจหาเบาหวาน จะตรวจจากเลือด ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (อย่างน้อย 8 ชั่วโมง) มากกว่า หรือเท่ากับ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ถือว่าเป็น “เบาหวาน” หรือถ้าระดับน้ำตาลหลังอาหาร หรือ หลังกินน้ำตาล (ตามแพทย์สั่ง) เป็นเวลา 2 ชั่โมง มากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ก็ถือว่าเป็นเบาหวานเช่นกัน
ลองสังเกตดูนะคะว่า บุตรหลานของท่านมีปัจจัยเสี่ยง หรืออาการที่เข้าได้กับเบาหวานหรือไม่ ถ้ามีควรมารับการตรวจวินิจฉัยจากกุมารแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางไต ตา และหลอดเลือดในอนาคตค่ะ
--------------------------------
พบกิจกรรมดีๆ ที่ศิริราช
คุณก็ทำได้ แม้เป็นเบาหวานชนิดที่ 1
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เชิญชวนรับความรู้ในการดูแลสุขภาพ และประสบการณ์ตรงจากผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 จาก Mr.Jerry Gore นักปีนเขาระดับโลก ในการต่อสู้กับธรรมชาติและเอาชนะตนเอง พร้อมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้มากมาย ในวันเสาร์ที่ 23 พ.ค.58 เวลา 09.00 - 12.00 น. ณ ห้อง 101 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ (อาคารศูนย์วิจัย SiMR รพ.ศิริราช) รับจำนวนจำกัด สมัครได้ที่ ศูนย์เบาหวานศิริราช โทร. 0 2419 9568-9 (ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ)
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่