กรมแพทย์แผนไทยฯเตรียมร่าง พ.ร.บ.สมุนไพรแห่งชาติ เปิดช่องช่วยผู้ประกอบการอ้างสรรพคุณ “สมุนไพร” ได้ หากมีผลการวิจัยรองรับถูกต้องชัดเจน แก้ปัญหาอาหารเสริมจากสมุนไพรอวดอ้างรักษาโรค เผยอเมริกาให้ขายสินค้าที่ไม่ผ่าน อย. ได้ แต่ ปชช. ต้องรับผิดชอบการซื้อเอง
นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงกรณีการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากสมุนไพรช่วยเพิ่มค่าระดับภูมิคุ้มกัน (CD4) ว่า หากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวมีผลการวิจัยที่ทำอย่างถูกต้องเป็นที่ยอมรับ มีการทดสอบทั้งในสัตว์ทดลอง และในคนว่ามีความปลอดภัย ก็น่าสนับสนุนให้จดทะเบียนเป็นยามากกว่า เพราะถือเป็นการช่วยพัฒนายาใหม่ในการช่วยรักษาผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างของกฎหมายประเทศไทยที่ยังไม่ครอบคลุม เพราะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่สามารถโฆษณาสรรพคุณในการรักษาได้ ตาม พ.ร.บ. อาหาร หากจะอ้างสรรพคุณการรักษาก็ต้องจดทะเบียนเป็นยาตาม พ.ร.บ. ยา เท่านั้น ทำให้เป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการ ในอนาคตกรมฯ จึงเตรียมที่จะออก พ.ร.บ. สมุนไพรแห่งชาติ พ.ศ. ... เพื่อเป็นช่องทางให้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรสามารถอ้างสรรพคุณได้
“กฎหมายใหม่นี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพจากธรรมชาติที่เกี่ยวกับสมุนไพรสามารถอ้างสรรพคุณได้ แต่จะต้องมีการทำวิจัยที่ถูกต้องชัดเจนว่ามีสรรพคุณจริงตามที่กล่าวอ้าง ที่สำคัญคือการกล่าวอ้างจะต้องอ้างในรูปแบบของสารสกัดสมุนไพรเท่านั้น ไม่ใช่ยาหรืออาหารเสริม ซึ่งขณะนี้กรมฯ ก็กำลังศึกษาแนวทางการออกร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวอยู่ คาดว่า 4 - 5 ปี จึงจะสามารถผลักดันได้” อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าว
นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า อีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหา ก็มีรูปแบบของสหรัฐอเมริกาที่ยอมให้มีการขายสินค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนกับ อย. หรือเรียกว่า Non FDA Product ซึ่งจะเป็นที่ทราบกันดีว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ได้มี อย. รองรับ ซึ่งผู้ประกอบการก็ต้องยอมรับด้วยว่าเมื่อไม่มี อย.รองรับก็อาจจะขายสินค้าได้น้อย เนื่องจากประชาชนไม่ให้ความเชื่อถือ ส่วนประชาชนที่จะเลือกซื้อมาใช้ก็ต้องพิจารณาเองให้ดี หรือต้องรับผิดชอบในการซื้อของตัวเอง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงกรณีการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากสมุนไพรช่วยเพิ่มค่าระดับภูมิคุ้มกัน (CD4) ว่า หากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวมีผลการวิจัยที่ทำอย่างถูกต้องเป็นที่ยอมรับ มีการทดสอบทั้งในสัตว์ทดลอง และในคนว่ามีความปลอดภัย ก็น่าสนับสนุนให้จดทะเบียนเป็นยามากกว่า เพราะถือเป็นการช่วยพัฒนายาใหม่ในการช่วยรักษาผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างของกฎหมายประเทศไทยที่ยังไม่ครอบคลุม เพราะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่สามารถโฆษณาสรรพคุณในการรักษาได้ ตาม พ.ร.บ. อาหาร หากจะอ้างสรรพคุณการรักษาก็ต้องจดทะเบียนเป็นยาตาม พ.ร.บ. ยา เท่านั้น ทำให้เป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการ ในอนาคตกรมฯ จึงเตรียมที่จะออก พ.ร.บ. สมุนไพรแห่งชาติ พ.ศ. ... เพื่อเป็นช่องทางให้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรสามารถอ้างสรรพคุณได้
“กฎหมายใหม่นี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพจากธรรมชาติที่เกี่ยวกับสมุนไพรสามารถอ้างสรรพคุณได้ แต่จะต้องมีการทำวิจัยที่ถูกต้องชัดเจนว่ามีสรรพคุณจริงตามที่กล่าวอ้าง ที่สำคัญคือการกล่าวอ้างจะต้องอ้างในรูปแบบของสารสกัดสมุนไพรเท่านั้น ไม่ใช่ยาหรืออาหารเสริม ซึ่งขณะนี้กรมฯ ก็กำลังศึกษาแนวทางการออกร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวอยู่ คาดว่า 4 - 5 ปี จึงจะสามารถผลักดันได้” อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าว
นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า อีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหา ก็มีรูปแบบของสหรัฐอเมริกาที่ยอมให้มีการขายสินค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนกับ อย. หรือเรียกว่า Non FDA Product ซึ่งจะเป็นที่ทราบกันดีว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ได้มี อย. รองรับ ซึ่งผู้ประกอบการก็ต้องยอมรับด้วยว่าเมื่อไม่มี อย.รองรับก็อาจจะขายสินค้าได้น้อย เนื่องจากประชาชนไม่ให้ความเชื่อถือ ส่วนประชาชนที่จะเลือกซื้อมาใช้ก็ต้องพิจารณาเองให้ดี หรือต้องรับผิดชอบในการซื้อของตัวเอง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่