สปสช.แจง เรื่องร้องเรียน สปสช.นำเงินเหมาจ่ายรายหัวให้หน่วยงานที่ไม่ใช่หน่วยบริการสาธารณสุขอยู่ระหว่างการสอบสวนของ ปปท. ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง รมว.สธ. และบอร์ด สปสช.ไม่ได้เพิกเฉยแต่อย่างใด จึงไม่เข้าข่ายละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ ระบุเป็นหลักการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มีการร้องเรียนประเด็นที่ สปสช.สนับสนุนงบประมาณให้หน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่หน่วยบริการ โดยมีการกล่าวหาว่า สปสช.ดำเนินการผิดกฎหมาย และได้เรียกร้องให้ รมว.สธ.และบอร์ดสปสช.ดำเนินการทางคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับผู้เกี่ยวข้อง โดยระบุว่า หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เท่ากับว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 69/2557 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ ในประเด็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น
ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า สปสช.ขอเรียนชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวนั้นอยู่ในระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) และยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ซึ่ง สปสช.อยู่ระหว่างการเข้าให้ข้อมูล เอกสาร และหลักฐานต่างๆ ส่วนความคืบหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น สปสช.ไม่อาจเปิดเผยได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน ดังนั้นจะเห็นว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีการเพิกเฉยแต่อย่างใด จึงไม่ได้ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของ คสช.
“เชื่อว่า ผู้ร้องเรียนน่าจะเข้าใจขั้นตอนและกระบวนการสอบสวนเป็นอย่างดี เพราะทุกอย่างต้องยึดหลักของข้อมูล พยานหลักฐานต่างๆ ไม่ใช่อาศัยเพียงแค่การกล่าวหากันหรือตัดแปะข่าวหนังสือพิมพ์ใช้เป็นหลักฐานก็จะดำเนินคดีกันได้ ซึ่งนี่เป็นหลักการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม หรือ Due Process of Law ตามหลักนิติธรรม นิติรัฐ เช่นเดียวกับกรณีที่มีผู้ร้องเรียนแพทย์ท่านหนึ่งในประเด็นเรื่องข้อกล่าวหาการเบิกค่าตอบแทน เพื่อความเป็นธรรมต่อผู้ถูกร้อง จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน จึงขอเรียนชี้แจงตามนี้ และเรื่องการตรวจสอบที่เกิดขึ้นกับ สปสช.ในขณะนี้นั้น สปสช.ก็ ยินดีและพร้อมให้ตรวจสอบตลอดเวลา เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง ไม่ใช่การกล่าวหากันไปมาโดยไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์” โฆษก สปสช.กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มีการร้องเรียนประเด็นที่ สปสช.สนับสนุนงบประมาณให้หน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่หน่วยบริการ โดยมีการกล่าวหาว่า สปสช.ดำเนินการผิดกฎหมาย และได้เรียกร้องให้ รมว.สธ.และบอร์ดสปสช.ดำเนินการทางคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับผู้เกี่ยวข้อง โดยระบุว่า หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เท่ากับว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 69/2557 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ ในประเด็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น
ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า สปสช.ขอเรียนชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวนั้นอยู่ในระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) และยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ซึ่ง สปสช.อยู่ระหว่างการเข้าให้ข้อมูล เอกสาร และหลักฐานต่างๆ ส่วนความคืบหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น สปสช.ไม่อาจเปิดเผยได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน ดังนั้นจะเห็นว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีการเพิกเฉยแต่อย่างใด จึงไม่ได้ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของ คสช.
“เชื่อว่า ผู้ร้องเรียนน่าจะเข้าใจขั้นตอนและกระบวนการสอบสวนเป็นอย่างดี เพราะทุกอย่างต้องยึดหลักของข้อมูล พยานหลักฐานต่างๆ ไม่ใช่อาศัยเพียงแค่การกล่าวหากันหรือตัดแปะข่าวหนังสือพิมพ์ใช้เป็นหลักฐานก็จะดำเนินคดีกันได้ ซึ่งนี่เป็นหลักการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม หรือ Due Process of Law ตามหลักนิติธรรม นิติรัฐ เช่นเดียวกับกรณีที่มีผู้ร้องเรียนแพทย์ท่านหนึ่งในประเด็นเรื่องข้อกล่าวหาการเบิกค่าตอบแทน เพื่อความเป็นธรรมต่อผู้ถูกร้อง จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน จึงขอเรียนชี้แจงตามนี้ และเรื่องการตรวจสอบที่เกิดขึ้นกับ สปสช.ในขณะนี้นั้น สปสช.ก็ ยินดีและพร้อมให้ตรวจสอบตลอดเวลา เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง ไม่ใช่การกล่าวหากันไปมาโดยไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์” โฆษก สปสช.กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
