“โฆษกกองทัพบก” แนะรอ “ตำรวจ - มทบ.42 สงขลา” สอบสวน ทหาร 5 นาย เหตุสื่อนำเสนอข่าวถูกแจ้งข้อหาเรียกค่าไถ่ “แก๊งค้าโรฮิงญา” ระบุทราบเพียงไปลาดตระเวนการค้ามนุษย์ พบผู้ต้องสงสัย 2 คน จึงคุมตัวสอบ 12 ชม. ก่อนปล่อยตัวไป ตั้งข้อสังเกตแจ้งความภายหลังถูกกักตัว ย้ำ “ผบ.ทบ.” ไม่ปกป้องทหาร หากพบทำผิดจริง
วันนี้ (6 พ.ค.) มีรายงานว่า จากกรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่ามี “นายทหารยศพันตรี” กับพวก เข้าไปเกี่ยวข้องกรณีไปเรียกค่าไถ่นายหน้าผู้ควบคุมกลุ่มต่างด้าวโรฮิงญา
พันเอก วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงปัญหานี้ ว่า จากการประสานข้อมูลเบื้องต้นกับ กองร้อยสารวัตรทหาร มณฑลทหารบกที่ 42 ซึ่งเป็นหน่วยต้นสังกัด ทราบว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 58 กำลังพลของหน่วย ประกอบด้วย ร.ท.สาธิต สุวรรณราช สังกัด ร้อย สห. มทบ.42, จ.ส.อ.ชบ คงชูช่วย, ส.อ.อนุรักษ์ แก้วชะโน, ส.อ.กิตติพงษ์ ไชยพรหม, พลอาสาสมัคร รวิ ชายแก้ว ได้รับแจ้งความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับบุคคลต่างด้าว จึงขึ้นไปทำการลาดตระเวนหาข่าว บริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย - มาเลเซีย ใกล้ๆ บ้านตะโล๊ะ หมู่ที่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา
ทั้งนี้ ในการลาดตระเวน ได้พบกับกลุ่มชาวต่างด้าวโรฮิงญา ซึ่งมีคนไทยทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมอยู่ จึงได้มีการเชิญตัวคนไทยที่ทำหน้าที่ควบคุมบุคคลต่างด้าวจำนวน 2 คน คือ นายบุญเย็น เนสะแหละ และ นายผิน ร่วมบัว มาทำการซักถาม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทางด้านการข่าวในบริเวณพื้นที่ตั้งของหน่วย โดยใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง จากนั้นได้มีการปล่อยตัวไป
พันเอก วินธัย กล่าวว่า ทางหน่วยต้นสังกัดได้ทำการจดบันทึกรายละเอียด และรายงานการปฏิบัติไปตามสายการบังคับบัญชา แต่หลังจากนั้น 1 วัน ทางหน่วยถึงได้ทราบว่า มีชาวบ้าน 2 ราย ได้มาแจ้งความไว้กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปาดังเบซาร์ ว่า ถูกกลุ่ม ร.ท.สาธิต และพวกทำการกักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ทางตำรวจจึงได้มีการลงบันทึกแจ้งความ และเชิญ ร.ท.สาธิต สุวรรณราช ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าชุด มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อประกอบเป็นสำนวน ส่งต่อให้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นผู้ลงความเห็นเพื่อที่จะไปชี้มูลต่อไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหาใดๆ
โฆษกกองทัพบก กล่าวยอมรับว่า กรณีนี้อาจยังมีข้อมูลที่ไม่ตรงกัน เพราะหลักๆ ข้อมูลยังเหมือนได้มาจากบุคคลในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ จึงอาจจะต้องมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และเชื่อว่า ทางหน่วยต้นสังกัดคงจะได้ไปการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
“ขอให้มั่นใจว่า ในปัจจุบันถ้าพบหรือมีข้อมูลว่ามีกำลังพลคนใดปฏิบัติหน้าที่ด้วยเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ ทุกๆ หน่วยในกองทัพบก จะมีมาตรการดำเนินการในทางวินัยขั้นรุนแรงทันที เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของ ผบ.ทบ. ที่จะไม่มีการปกป้องกำลังพลที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม หรือกำลังพลที่กระทำความผิด” โฆษกกองทัพบก กล่าวย้ำ