อาเซียนรวมตัวพัฒนาการเข้าถึงวัคซีน หวังรับมือโรคติดเชื้อ เชื่อช่วยภาพรวมเศรษฐกิจเข้มแข็ง ชี้ไทยยังมีปัญหาการบรรจุวัคซีนใหม่ๆ ไม่ดีเท่าประเทศอื่น ด้านผู้แทน WHO แนะศึกษาความต่างระบาดวิทยาของแต่ละประเทศ เน้นกำจัดโรคในเด็กที่พิการ - ตาย สูง
ศ.พญ.อุษา ทิสยากร นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวในการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การป้องกันโรคด้วยวัคซีนใน 10 ประเทศกลุ่มอาเซียน” จัดโดยสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า การจัดประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อจะได้ทราบถึงสถานการณ์ และการป้องกันโรคด้วยวัคซีนของแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยศึกษาความเหมือนความต่างและร่วมกันพัฒนาป้องกันโรคติดเชื้อไปพร้อมๆ กันอย่างเข้มแข็ง ถือเป็นบันไดขั้นแรก และหวังว่า จะมีความร่วมมือต่อไป โดยทำให้องค์การอนามัยโลกเห็นว่า กลุ่มประเทศอาเซียนมีความเข้มแข็ง แม้จะมีความแตกต่างหลายปัจจัย แต่ถ้ารวมตัวกันและทำให้การพัฒนามีความใกล้เคียงกันมากที่สุดจะทำให้ภูมิภาคเข้มแข็ง และเชื่อว่า ถ้าเราป้องกันโรคได้ ไม่ให้มีโรคระบาด เศรษฐกิจภาพรวมก็จะเข้มแข็งตามมา
ศ.พญ.อุษา กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการควบคุมการใช้วัคซีนพื้นฐานที่ดี แต่ปัญหาคือ การบรรจุของวัคซีนใหม่ เราอาจจะยังทำได้ไม่ดีเท่าประเทศอื่นๆ และเชื่อว่า หากผู้ที่มีส่วนกำหนดนโยบายมีความชัดเจนทุกอย่างจะไปเร็ว ทั้งนี้ ทางภาครัฐก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหาการเข้าถึงวัคซีน แต่แน่นอนว่า ทุกอย่างก็ต้องทำอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญมาก เขาจะต้องมีข้อมูลพื้นฐานว่ามันจำเป็นจริงๆ เพราะเป็นการใช้เงินจำนวนมากที่จะต้องเกิดประโยชน์สูงสุด
ด้าน ดร.ฌอง มาริ โอควล บาเล ผู้อำนวยการทางด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรควัคซีนและชีววัตถุ สุขภาพในครอบครัว สตรีและเด็ก องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การป้องกันโรคด้วยวัคซีนนั้นปัจจุบันกลุ่มประเทศอาเซียน ค่อนข้างทำได้ดีแล้ว แต่ยังมีอุปสรรคในด้านความแตกต่างของบริบทแต่ละประเทศ เช่น ภาระโรคที่บางประเทศอาจมีโรคติดเชื้อบางชนิดสูง วัคซีนที่ใช้จึงมีความจำเป็นมาก แต่ในบางประเทศอาจพบอัตราการระบาดน้อย การใช้วัคซีนจึงอาจจะไม่คุ้มค่า ดังนั้น จึงต้องศึกษาความต่างระบาดวิทยาของแต่ละประเทศ รวมถึงปัจจัยด้านอื่นๆ โดย WHO คาดหวังว่า เมื่อแต่ละประเทศสามารถป้องกันโรคด้วยวัคซีนและการควบคุมการเข้าถึงวัคซีนได้สำเร็จ ด้วยความเสมอภาคและความเท่าเทียมโดยเฉพาะในเด็กทุกคน โรคติดเชื้อจะถูกกำจัดไปจากโลก โดยให้ความสนใจโรคประเภทที่ก่อให้เกิดความพิการ และมีอัตราการตายในเด็กสูง อย่างโรคหัด และโรคไอกรน และเชื่อว่าถ้าเด็กทุกคนเข้าถึงวัคซีนอัตราการตายจากโรคเหล่านี้ก็จะลดลงได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ศ.พญ.อุษา ทิสยากร นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวในการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การป้องกันโรคด้วยวัคซีนใน 10 ประเทศกลุ่มอาเซียน” จัดโดยสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า การจัดประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อจะได้ทราบถึงสถานการณ์ และการป้องกันโรคด้วยวัคซีนของแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยศึกษาความเหมือนความต่างและร่วมกันพัฒนาป้องกันโรคติดเชื้อไปพร้อมๆ กันอย่างเข้มแข็ง ถือเป็นบันไดขั้นแรก และหวังว่า จะมีความร่วมมือต่อไป โดยทำให้องค์การอนามัยโลกเห็นว่า กลุ่มประเทศอาเซียนมีความเข้มแข็ง แม้จะมีความแตกต่างหลายปัจจัย แต่ถ้ารวมตัวกันและทำให้การพัฒนามีความใกล้เคียงกันมากที่สุดจะทำให้ภูมิภาคเข้มแข็ง และเชื่อว่า ถ้าเราป้องกันโรคได้ ไม่ให้มีโรคระบาด เศรษฐกิจภาพรวมก็จะเข้มแข็งตามมา
ศ.พญ.อุษา กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการควบคุมการใช้วัคซีนพื้นฐานที่ดี แต่ปัญหาคือ การบรรจุของวัคซีนใหม่ เราอาจจะยังทำได้ไม่ดีเท่าประเทศอื่นๆ และเชื่อว่า หากผู้ที่มีส่วนกำหนดนโยบายมีความชัดเจนทุกอย่างจะไปเร็ว ทั้งนี้ ทางภาครัฐก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหาการเข้าถึงวัคซีน แต่แน่นอนว่า ทุกอย่างก็ต้องทำอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญมาก เขาจะต้องมีข้อมูลพื้นฐานว่ามันจำเป็นจริงๆ เพราะเป็นการใช้เงินจำนวนมากที่จะต้องเกิดประโยชน์สูงสุด
ด้าน ดร.ฌอง มาริ โอควล บาเล ผู้อำนวยการทางด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรควัคซีนและชีววัตถุ สุขภาพในครอบครัว สตรีและเด็ก องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การป้องกันโรคด้วยวัคซีนนั้นปัจจุบันกลุ่มประเทศอาเซียน ค่อนข้างทำได้ดีแล้ว แต่ยังมีอุปสรรคในด้านความแตกต่างของบริบทแต่ละประเทศ เช่น ภาระโรคที่บางประเทศอาจมีโรคติดเชื้อบางชนิดสูง วัคซีนที่ใช้จึงมีความจำเป็นมาก แต่ในบางประเทศอาจพบอัตราการระบาดน้อย การใช้วัคซีนจึงอาจจะไม่คุ้มค่า ดังนั้น จึงต้องศึกษาความต่างระบาดวิทยาของแต่ละประเทศ รวมถึงปัจจัยด้านอื่นๆ โดย WHO คาดหวังว่า เมื่อแต่ละประเทศสามารถป้องกันโรคด้วยวัคซีนและการควบคุมการเข้าถึงวัคซีนได้สำเร็จ ด้วยความเสมอภาคและความเท่าเทียมโดยเฉพาะในเด็กทุกคน โรคติดเชื้อจะถูกกำจัดไปจากโลก โดยให้ความสนใจโรคประเภทที่ก่อให้เกิดความพิการ และมีอัตราการตายในเด็กสูง อย่างโรคหัด และโรคไอกรน และเชื่อว่าถ้าเด็กทุกคนเข้าถึงวัคซีนอัตราการตายจากโรคเหล่านี้ก็จะลดลงได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่