สธ. เร่งทำหลักเกณฑ์ตรวจประเมินร้านยาคุณภาพ ให้เวลาร้านยาเปิดก่อน 25 มิ.ย. 57 ไม่เกิน 8 ปี ปรับปรุงคุณภาพมาตรฐาน พร้อมให้เป็นสถานที่คัดกรองโรคเรื้อรัง คุมการใช้ยาไม่เหมาะสม สั่งยาแก้ไอไปทำยาเสพติด การขายยาสเตียรอยด์
วันนี้ (26 เม.ย.) ที่เมืองทองธานี ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2558 ชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 7,000 ร้านทั่วประเทศ ว่า สธ. มีนโยบายยกระดับร้านขายยาแผนปัจจุบันเป็น “ร้านยาคุณภาพ” โดยออกกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาตและการขอใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน พ.ศ. 2556 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. 2557 เป็นต้นมา โดยกำหนดให้สถานที่ขายยาจะต้องเป็นไปตามวิธีปฏิบัติทางเภสัชกรรรมตามมาตรฐานสากล (GPP : Good Pharmacy Practice) มีผู้ประกอบวิชาชีพอยู่ประจำเวลาทำการ พร้อมทั้งแสดงรูปถ่าย ชื่อ สกุล และหลักฐานเลขที่ใบประกอบวิชาชีพ และเวลาที่ปฏิบัติงานชัดเจน โดยร้านขายยาที่ขออนุญาตเปิดร้านหลังกฎหมายบังคับใช้ จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด ส่วนร้านที่เปิดก่อนกฎหมายให้เวลาปรับปรุงมาตรฐานภายใน 8 ปี ทั้งนี้ สธ. ได้สนับสนุนให้สมาชิกของชมรมร้านขายยาทั่วประเทศ เร่งพัฒนาร้านขายยาเป็นร้านยาคุณภาพ และเป็นหน่วยร่วมบริการสุขภาพในระบบบัตรทอง ช่วยคัดกรองโรคเรื้อรังเบื้องต้น จัดการปัญหาที่เกี่ยวกับยา การเป็นแหล่งเติมยาให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่คุมอาการได้แล้ว ให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่ รวมทั้งการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพและยา ซึ่งในขณะนี้มีโครงการนำร่องร้านขายยาคุณภาพใน 27 จังหวัดแล้ว
“นอกจากนี้ จะขอความร่วมมือร้านขายยา ร่วมแก้ปัญหาการใช้ยาไม่เหมาะสม โดยควบคุมการจำหน่ายยาแก้ปวด ซึ่งพบกลุ่มวัยรุ่นนำไปผสมกับยาแก้ไอ แก้แพ้ชนิดน้ำเชื่อม ที่ขายผ่านอินเทอร์เน็ตผิดกฎหมาย เพื่อให้เกิดอาการมึนงง เคลิ้ม หากใช้เกินขนาดจะเกิดอันตรายทำให้หัวใจล้มเหลว ชัก อาจเสียชีวิตได้ และยากลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งมีการนำไปปลอมปนในยาแผนโบราณ ซึ่งมีการโฆษณาแพร่หลายทางโทรทัศน์ดาวเทียม สถานีวิทยุชุมชน การขายตรงในรูปแบบอาหารเสริม รวมทั้งการโอ้อวดสรรพคุณรักษาได้สารพัดโรคเกินจริง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท ซึ่งยากลุ่มนี้จะไปกดอาการของโรค ทำให้คิดว่าหายป่วย เสียโอกาสในการรักษา และอาจทำให้เสียชีวิตได้” รมว.สธ. กล่าว
นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า การต่ออายุใบอนุญาตร้านขายยาจากนี้จะต้องผ่านการตรวจประเมินมาตรฐานจีพีพี โดยขณะนี้ อย. อยู่ระหว่างการจัดทำประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การตรวจประเมิน พร้อมทั้งจัดทำคู่มือตรวจประเมินให้เจ้าหน้าที่ โดยจะจัดประชุมชี้แจงเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และแจ้งให้ร้านขายยาเตรียมความพร้อมในการตรวจประเมิน ส่วนร้านยาที่ขออนุญาตก่อนกฎกระทรวงฯ มีผลบังคับใช้ ยังมีเวลาปรับปรุงไม่เกิน 8 ปี ซึ่งกำหนดเวลาบังคับชัดเจนจะจัดทำเป็นประกาศกระทรวงฯต่อไป ทั้งนี้ ปัจจุบันมีร้านขายยาแผนปัจจุบันทั้งคนและสัตว์ทั้งหมด 19,245 ร้าน ร้อยละ 73 อยู่ในภูมิภาค ในจำนวนนี้ผ่านการรับรองจากสภาเภสัชกรรม เป็นร้านยาคุณภาพแล้วจำนวน 972 ร้าน กระจายทั่วประเทศ
“ในปี 2558 นี้ เพื่อควบคุมปัญหาการนำยาไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม สำนักงาน ป.ป.ส. กำลังริเริ่มจัดทำ “แผนรณรงค์ป้องกันและปราบปรามการใช้ยาในทางที่ผิด” ร่วมกับภาคีเครือข่าย อย. สถาบันการศึกษา นักวิชาการ ผู้ประกอบการร้านยา 4 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการควบคุมการแพร่กระจายยาไปใช้ในทางที่ผิด โดยมุ่งปราบปรามร้านขายยาที่มีเบาะแสการจำหน่ายไม่เหมาะสม 2. โครงการระดมความร่วมมือผู้ประกอบการร้านขายยา 3. โครงการป้องกันการใช้ยาที่ผิดในสถานศึกษา 4. โครงการรณรงค์สร้างกระแสสังคมต่อต้านการใช้ยาในทางที่ผิด คาดว่าจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2558 เป็นต้นไป” เลขาธิการ อย. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่