สงกรานต์ปีนี้จะเป็นปีแรกที่มีการบังคับใช้กฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางเท้า ไหล่ทาง ถนน สถานีขนส่ง และบนทางรถไฟหรือขบวนรถไฟ ซึ่งจะต้องจับตาดูกันว่า มาตรการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้ประชาชนคนไทยและนักท่องเที่ยวปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่มีสาเหตุหลักจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ในปีนี้เรายังคงเน้นไปที่มาตรการ “สงกรานต์ปลอดภัย พื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า” ซึ่งในปีที่ผ่านมาถือว่าได้รับความร่วมมือจากหลายๆ พื้นที่ ดังที่จะเห็นได้จากถนนตระกูลข้าวต่างๆ ในประเทศที่กระจายอยู่ทั่วไปกว่า 40 แห่ง และพื้นที่ต่างๆ อีกกว่า 100 แห่ง ได้จัดพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดเหล้า ทำให้ในหลายพื้นที่ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุได้ หรือบางพื้นที่แทบจะไม่มีเลย
และในปีนี้จะเป็นปีแรกที่ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี และได้ประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้แล้ว เรื่อง กำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางเท้า หากฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งยังมีกฎหมายการปฏิเสธการเป่า เท่ากับ เมาแล้วขับ มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือโทษปรับ 10,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“คาดว่า การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวจะเป็นการช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ และทำให้ประชาชนที่เข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์ได้อย่างปลอดภัย” ผอ.สคล. กล่าว
ทั้งนี้ จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปี 2557 พบว่า วันที่13เมษายน 2557 เป็นวันที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด สาเหตุมาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่เป็นหลัก คือ การเมาแล้วขับมากถึงร้อยละ36.76รองลงมาคือ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 24.47และตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 16.68 กลุ่มวัยแรงงานที่มีอายุระหว่าง 20 - 49 ปี จะประสบอุบัติเหตุมากที่สุด
นอกจากนี้ ภก.สงกรานต์ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกยังพบว่า แอลกอฮอล์ยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆได้มากถึง200โรค และทั้งโลกมีคนเสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์ปีละกว่า 3 ล้านคน เฉพาะคนไทยกว่า 26,000 คน เฉลี่ยทุกๆ 20 นาที จะมีคนไทยเสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
และที่ผ่านมา สคล. และเครือข่ายได้มีการประกาศเจตนารมณ์ ในการรณรงค์และมาตรการส่งเสริมเล่นน้ำสงกรานต์อย่างปลอดภัย โดยภาพรวม ได้แก่ 1. เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่ 2. คิดรูปแบบการป้องกันที่เหมาะสมกับพื้นที่ โดยคิดจากฐานข้อมูลจริง 3. เยาวชนเป็นกลุ่มที่สำคัญในการรณรงค์ เพื่อไม่ให้เกิดนักดื่มหน้าใหม่ 4. นโยบายท้องถิ่น ต้องให้มีการจัดงานต่างๆ ปลอดเหล้า
“จากการสำรวจของทีมงาน พบว่า ชาวบ้านร้อยละ80เห็นด้วยการจัดโซนนิงปลอดเหล้า และไม่น่าเชื่อว่า ร้อยละ 93 เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว ส่วนปัญหาที่พบของการจัดโซนนิงปลอดเหล้า คือ บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้มีการวางจำหน่ายแอลกอฮอล์ตรงบริเวณทางออกของงานที่ปลอดน้ำเมา ซึ่งเป็นพื้นที่ของเอกชน เท่ากับเป็นส่งเสริมให้คนดื่มก่อนเดินทางกลับบ้าน ซึ่งในชนบทส่วนใหญ่จักรยานยนต์ จึงเสี่ยงอันตายมาก และสถิติการเสียชีวิตก็เป็นผู้ขี่จักรยานยนต์ดื่มน้ำเมามากที่สุด” ภก.สงกรานต์ กล่าว
ทั้งนี้ การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้
ด้าน นายนพดล วรรณบวร (กุ่ย)วัย 35 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุมากจาการเมาแล้วขับ อุบัติเหตุในครั้งนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องถูกตัดขากลายเป็นคนพิการในวัยเพียงแค่ 17 ปี ดับฝันในการเป็นนักกีฬา
นายนพดล เล่าว่า ในตอนนั้นตนอายุ 17 ปี มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักกีฬา ในวันสงกรานต์ได้เดินทางกลับมาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อไปเจอเพื่อนสมัยเรียนมัธยม ก็ได้มีการตั้งวงดื่มเหล้ากัน แต่ตนไม่ดื่มและไม่สูบบุหรี่ แต่เข้าไปร่วมวงกับเพื่อนๆด้วย พอได้เวลากลับบ้าน ต่างคนแยกย้าย/ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เพื่อนกลับ ส่วนเพื่อนที่เป็นเจ้าของรถเมา ตนเลยอาสาขับให้ ขับตามคันอื่นๆ กันไป ตนขับช้าที่สุด ตอนประสบอุบัติเหตุ รถบรรทุกที่พยายามแซงมาตลอดได้หักรถพุ่งเข้าชนรถที่ตนเองขับ เมื่อรถล้มคนขับพยายามที่จะถอยรถมาทับซ้ำอีกที ในตอนนั้นคนขับรถลงมาดู ตนเห็นชัดว่า คนขับรถบรรทุกตาแดง มีอาการของคนเมา และโชคดีที่บริเวณที่เกิดเหตุอยู่หน้าโรงงาน รปภ. จึงช่วยไว้ ไม่เช่นนั้นคงโดนรถบรรทุกทับตายแน่ ส่วนเพื่อนสามารถโดดออกมาก่อนจึงรอด
“บริเวณขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกรถมอเตอร์ไซค์ทับ ในวันนั้นเป็นวันสงกรานต์ที่โรงพยาบาลมีคนประสบอุบัติเหตุและมีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แพทย์ที่รักษาตนเองทำการรักษาได้ 3 วัน และจากนั้นเป็นวันหยุดมีแต่พยาบาลเข้ามาดูแล เมื่อแผลไม่ได้รับการแลที่ดีพอจึงเกิดการติดเชื้อ จะขอย้ายโรงพยาบาลก็ไม่มีแพทย์เซ็นต์ให้ย้าย กว่าจะดำเนินเรื่องเสร็จเมื่อย้ายโรงพยาบาลแล้ว แพทย์จำเป็นต้องตัดขาตนทิ้งเพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้”
นายนพดล กล่าวว่า หลังจากวันนั้นความฝันทุกอย่างต้องหยุดลง กลายเป็นคนพิการ แต่ก็พยายามลุกขึ้นสู้เพื่อครอบครัว จึงอยากจะฝากว่า คุณสามารถดื่มได้ แต่ควรดื่มที่บ้าน เมื่อเมาแล้วนอน หรือนั่งแท็กซี่กลับบ้าน เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา คนที่อยู่ข้างหลังคุณจะได้รับผลกระทบนั้นๆไปด้วย ไม่ว่าจะพิการหรือเสียชีวิต และคนที่เขาไม่ได้ดื่มแต่ต้องมารับผลการการดื่มแล้วขับของคุณมันไม่คุ้มกัน แต่การไม่ดื่มเลยจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
“การออกกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องมีการบังคับใช้อย่างจริงจังด้วย อย่างในประเทศญี่ปุ่นทั้งคนที่เมาแล้วขับ และคนนั่งหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะโดนลงโทษและปรับเป็นจำนวนเงินที่มาก จึงทำให้คนไม่กล้าที่จะฝ่าฝืน แต่สำหรับเมืองไทยแล้ว ตนมองว่า การบังคับใช้กฎหมายยังอ่อนอยู่ มีการเลือกปฏิบัติ สามารถไกล่เกลี่ยได้ อีกทั้งบ้านเรายังไม่มีระบบฐานข้อมูลที่ชัดเจนของผู้กระทำผิดในกรณีเมาแล้วขับ ซึ่งน่าจะปรับปรุงได้ หากประเทศไทยสามารถบังคับใช้กฎหมายได้เหมือนต่างประเทศ ตนเชื่อว่าจะสามารถควบคุมการเกิดอุบัติเหตุจากกการเมาแล้วขับได้100%เลย” นายนพดล กล่าว
สงกรานต์นี้จะปลอดภัยได้ถ้าทุกคนร่วมมือ ร่วมใจ ตั้ง “สติ วินัย น้ำใจ ปลอดภัยสงกรานต์ สืบสานประเพณี” แล้ว เชื่อว่า ทุกพื้นที่จะปลอดภัยได้แน่นอน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ในปีนี้เรายังคงเน้นไปที่มาตรการ “สงกรานต์ปลอดภัย พื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า” ซึ่งในปีที่ผ่านมาถือว่าได้รับความร่วมมือจากหลายๆ พื้นที่ ดังที่จะเห็นได้จากถนนตระกูลข้าวต่างๆ ในประเทศที่กระจายอยู่ทั่วไปกว่า 40 แห่ง และพื้นที่ต่างๆ อีกกว่า 100 แห่ง ได้จัดพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดเหล้า ทำให้ในหลายพื้นที่ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุได้ หรือบางพื้นที่แทบจะไม่มีเลย
และในปีนี้จะเป็นปีแรกที่ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี และได้ประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้แล้ว เรื่อง กำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางเท้า หากฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งยังมีกฎหมายการปฏิเสธการเป่า เท่ากับ เมาแล้วขับ มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือโทษปรับ 10,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“คาดว่า การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวจะเป็นการช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ และทำให้ประชาชนที่เข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์ได้อย่างปลอดภัย” ผอ.สคล. กล่าว
ทั้งนี้ จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปี 2557 พบว่า วันที่13เมษายน 2557 เป็นวันที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด สาเหตุมาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่เป็นหลัก คือ การเมาแล้วขับมากถึงร้อยละ36.76รองลงมาคือ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 24.47และตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 16.68 กลุ่มวัยแรงงานที่มีอายุระหว่าง 20 - 49 ปี จะประสบอุบัติเหตุมากที่สุด
นอกจากนี้ ภก.สงกรานต์ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกยังพบว่า แอลกอฮอล์ยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆได้มากถึง200โรค และทั้งโลกมีคนเสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์ปีละกว่า 3 ล้านคน เฉพาะคนไทยกว่า 26,000 คน เฉลี่ยทุกๆ 20 นาที จะมีคนไทยเสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
และที่ผ่านมา สคล. และเครือข่ายได้มีการประกาศเจตนารมณ์ ในการรณรงค์และมาตรการส่งเสริมเล่นน้ำสงกรานต์อย่างปลอดภัย โดยภาพรวม ได้แก่ 1. เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่ 2. คิดรูปแบบการป้องกันที่เหมาะสมกับพื้นที่ โดยคิดจากฐานข้อมูลจริง 3. เยาวชนเป็นกลุ่มที่สำคัญในการรณรงค์ เพื่อไม่ให้เกิดนักดื่มหน้าใหม่ 4. นโยบายท้องถิ่น ต้องให้มีการจัดงานต่างๆ ปลอดเหล้า
“จากการสำรวจของทีมงาน พบว่า ชาวบ้านร้อยละ80เห็นด้วยการจัดโซนนิงปลอดเหล้า และไม่น่าเชื่อว่า ร้อยละ 93 เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว ส่วนปัญหาที่พบของการจัดโซนนิงปลอดเหล้า คือ บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้มีการวางจำหน่ายแอลกอฮอล์ตรงบริเวณทางออกของงานที่ปลอดน้ำเมา ซึ่งเป็นพื้นที่ของเอกชน เท่ากับเป็นส่งเสริมให้คนดื่มก่อนเดินทางกลับบ้าน ซึ่งในชนบทส่วนใหญ่จักรยานยนต์ จึงเสี่ยงอันตายมาก และสถิติการเสียชีวิตก็เป็นผู้ขี่จักรยานยนต์ดื่มน้ำเมามากที่สุด” ภก.สงกรานต์ กล่าว
ทั้งนี้ การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้
ด้าน นายนพดล วรรณบวร (กุ่ย)วัย 35 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุมากจาการเมาแล้วขับ อุบัติเหตุในครั้งนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องถูกตัดขากลายเป็นคนพิการในวัยเพียงแค่ 17 ปี ดับฝันในการเป็นนักกีฬา
นายนพดล เล่าว่า ในตอนนั้นตนอายุ 17 ปี มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักกีฬา ในวันสงกรานต์ได้เดินทางกลับมาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อไปเจอเพื่อนสมัยเรียนมัธยม ก็ได้มีการตั้งวงดื่มเหล้ากัน แต่ตนไม่ดื่มและไม่สูบบุหรี่ แต่เข้าไปร่วมวงกับเพื่อนๆด้วย พอได้เวลากลับบ้าน ต่างคนแยกย้าย/ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เพื่อนกลับ ส่วนเพื่อนที่เป็นเจ้าของรถเมา ตนเลยอาสาขับให้ ขับตามคันอื่นๆ กันไป ตนขับช้าที่สุด ตอนประสบอุบัติเหตุ รถบรรทุกที่พยายามแซงมาตลอดได้หักรถพุ่งเข้าชนรถที่ตนเองขับ เมื่อรถล้มคนขับพยายามที่จะถอยรถมาทับซ้ำอีกที ในตอนนั้นคนขับรถลงมาดู ตนเห็นชัดว่า คนขับรถบรรทุกตาแดง มีอาการของคนเมา และโชคดีที่บริเวณที่เกิดเหตุอยู่หน้าโรงงาน รปภ. จึงช่วยไว้ ไม่เช่นนั้นคงโดนรถบรรทุกทับตายแน่ ส่วนเพื่อนสามารถโดดออกมาก่อนจึงรอด
“บริเวณขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกรถมอเตอร์ไซค์ทับ ในวันนั้นเป็นวันสงกรานต์ที่โรงพยาบาลมีคนประสบอุบัติเหตุและมีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แพทย์ที่รักษาตนเองทำการรักษาได้ 3 วัน และจากนั้นเป็นวันหยุดมีแต่พยาบาลเข้ามาดูแล เมื่อแผลไม่ได้รับการแลที่ดีพอจึงเกิดการติดเชื้อ จะขอย้ายโรงพยาบาลก็ไม่มีแพทย์เซ็นต์ให้ย้าย กว่าจะดำเนินเรื่องเสร็จเมื่อย้ายโรงพยาบาลแล้ว แพทย์จำเป็นต้องตัดขาตนทิ้งเพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้”
นายนพดล กล่าวว่า หลังจากวันนั้นความฝันทุกอย่างต้องหยุดลง กลายเป็นคนพิการ แต่ก็พยายามลุกขึ้นสู้เพื่อครอบครัว จึงอยากจะฝากว่า คุณสามารถดื่มได้ แต่ควรดื่มที่บ้าน เมื่อเมาแล้วนอน หรือนั่งแท็กซี่กลับบ้าน เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา คนที่อยู่ข้างหลังคุณจะได้รับผลกระทบนั้นๆไปด้วย ไม่ว่าจะพิการหรือเสียชีวิต และคนที่เขาไม่ได้ดื่มแต่ต้องมารับผลการการดื่มแล้วขับของคุณมันไม่คุ้มกัน แต่การไม่ดื่มเลยจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
“การออกกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องมีการบังคับใช้อย่างจริงจังด้วย อย่างในประเทศญี่ปุ่นทั้งคนที่เมาแล้วขับ และคนนั่งหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะโดนลงโทษและปรับเป็นจำนวนเงินที่มาก จึงทำให้คนไม่กล้าที่จะฝ่าฝืน แต่สำหรับเมืองไทยแล้ว ตนมองว่า การบังคับใช้กฎหมายยังอ่อนอยู่ มีการเลือกปฏิบัติ สามารถไกล่เกลี่ยได้ อีกทั้งบ้านเรายังไม่มีระบบฐานข้อมูลที่ชัดเจนของผู้กระทำผิดในกรณีเมาแล้วขับ ซึ่งน่าจะปรับปรุงได้ หากประเทศไทยสามารถบังคับใช้กฎหมายได้เหมือนต่างประเทศ ตนเชื่อว่าจะสามารถควบคุมการเกิดอุบัติเหตุจากกการเมาแล้วขับได้100%เลย” นายนพดล กล่าว
สงกรานต์นี้จะปลอดภัยได้ถ้าทุกคนร่วมมือ ร่วมใจ ตั้ง “สติ วินัย น้ำใจ ปลอดภัยสงกรานต์ สืบสานประเพณี” แล้ว เชื่อว่า ทุกพื้นที่จะปลอดภัยได้แน่นอน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่