บอร์ด สสส. เห็นชอบแผนอาหารสุขภาวะ หวังกระตุ้นคนไทยเข้าถึงผัก - ผลไม้ปลอดภัย เตรียมชง ครม. ลดขนาดน้ำตาลซอง จาก 8 กรัม/ซอง เหลือ 4 กรัม/ซอง แก้ปัญหาคนนิยมเติมน้ำตาลหมดซอง แม้ไม่รู้ขนาด ช่วยลดปัญหาสุขภาพจากการกินหวานมากไป
นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ด สสส.) เปิดเผยว่า บอร์ด สสส. เห็นชอบยุทธศาสตร์แผนอาหารเพื่อสุขภาวะ ปี 2558 เพื่อเพิ่มอัตราการบริโภคผักและผลไม้ ลดภาระโรคอ้วน รวมถึงให้คนไทยเข้าถึงอาหารปลอดภัยง่ายขึ้น เนื่องจากสำรวจพบว่า คนไทยบริโภคผักผลไม้เพียงพอแค่ 17.5% เด็กประถมฯทานผักเพียงพอ 18.7% เกือบ 50% ดื่มน้ำอัดลมทุกวัน ขณะที่การสุ่มตรวจผักผลไม้ในตลาดยังพบมีสารเคมีตกค้างที่ไม่ปลอดภัยถึง 25% ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะเน้น 3 เรื่อง คือ 1. ผลักดันให้เกิดระบบตลาดคุณค่าผักผลไม้ปลอดภัย โดยสร้างโมเดลต้นแบบตั้งเป้า 50 แห่งทั่วประเทศ เชื่อมกับระดับจังหวัดเพื่อขยายผลทั่วประเทศ เช่น สามพรานโมเดล หรือ เชียงรายโมเดล ที่สามารถรวมกลุ่มเกษตรกรและผู้บริโภคได้ครบวงจร เพื่อส่งเสริมผู้บริโภคเข้าถึงผักผลไม้ปลอดภัยใกล้บ้าน และรณรงค์ให้ปลูกผักปลอดภัยเพื่อการบริโภคในครัวเรือนหรือองค์กร ซึ่ง สสส. จะสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ทำเรื่องสวนผักคนเมือง ยกระดับให้เป็นศูนย์เรียนรู้
นายยงยุทธ กล่าวว่า 2. ส่งเสริมสุขภาวะหญิงตั้งครรภ์ โดยขยายต้นแบบสถานประกอบการที่ส่งเสริมมุมนมแม่ และรณรงค์ยาเม็ดเสริมไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ ส่วนเด็กเล็กจะทำให้เกิดศูนย์พัฒนาเด็กอ่อนหวาน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสมวัย มุ่งจัดผักผลไม้เพียงพอในแต่ละมื้อ และส่งเสริมให้ครูมีความรู้โภชนาการประจำในศูนย์ และ 3. ขับเคลื่อนรณรงค์นโยบาย อาทิ ฉลากสัญลักษณ์โภชนาการอย่างง่าย ลดขนาดน้ำตาลบรรจุซอง มาตรการควบคุมโฆษณาโทรทัศน์ในช่วงเวลาเด็ก สร้างค่านิยมวิถีสุขภาวะ โดยทำงานร่วมกับ 11 กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง และกว่า 30 เครือข่ายทั้งประเทศ
“ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดทำข้อเสนอการลดขนาดน้ำตาลบรรจุซองเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณามีมติสนับสนุน โดยลดจากขนาด 8 กรัม/ซอง หรือ 2 ช้อนชา เหลือเป็น 4 กรัม/ซอง หรือ 1 ช้อนชา ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจจัดประชุม รวมถึงหน่วยงานราชการต่างๆ สมัครใจใช้น้ำตาลขนาด 4 กรัม/ซอง เนื่องจากพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่เคยชินกับการเติมน้ำตาลหมดซอง แม้ไม่ทราบว่ากี่กรัม ซึ่งในน้ำตาล 1 ซอง กว่า 50% เป็นฟรุตโตส เมื่อร่างกายได้รับในปริมาณมากเกินไปจะสะสมที่ช่องท้องและตับ ไม่ต่างจากเครื่องดื่มรสหวานที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ ซึ่งจากการหารือกับผู้ผลิตน้ำตาล และกลุ่มธุรกิจโรงแรมเองก็ยินดีให้ความร่วมมือ โดยจะมีการรณรงค์ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคร่วมกับ อย. ในเรื่อง “หวานพอดีที่ 4 กรัม” และพัฒนากฎระเบียบเมื่อสังคมมีความพร้อมต่อไป” นายยงยุทธ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ด สสส.) เปิดเผยว่า บอร์ด สสส. เห็นชอบยุทธศาสตร์แผนอาหารเพื่อสุขภาวะ ปี 2558 เพื่อเพิ่มอัตราการบริโภคผักและผลไม้ ลดภาระโรคอ้วน รวมถึงให้คนไทยเข้าถึงอาหารปลอดภัยง่ายขึ้น เนื่องจากสำรวจพบว่า คนไทยบริโภคผักผลไม้เพียงพอแค่ 17.5% เด็กประถมฯทานผักเพียงพอ 18.7% เกือบ 50% ดื่มน้ำอัดลมทุกวัน ขณะที่การสุ่มตรวจผักผลไม้ในตลาดยังพบมีสารเคมีตกค้างที่ไม่ปลอดภัยถึง 25% ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะเน้น 3 เรื่อง คือ 1. ผลักดันให้เกิดระบบตลาดคุณค่าผักผลไม้ปลอดภัย โดยสร้างโมเดลต้นแบบตั้งเป้า 50 แห่งทั่วประเทศ เชื่อมกับระดับจังหวัดเพื่อขยายผลทั่วประเทศ เช่น สามพรานโมเดล หรือ เชียงรายโมเดล ที่สามารถรวมกลุ่มเกษตรกรและผู้บริโภคได้ครบวงจร เพื่อส่งเสริมผู้บริโภคเข้าถึงผักผลไม้ปลอดภัยใกล้บ้าน และรณรงค์ให้ปลูกผักปลอดภัยเพื่อการบริโภคในครัวเรือนหรือองค์กร ซึ่ง สสส. จะสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ทำเรื่องสวนผักคนเมือง ยกระดับให้เป็นศูนย์เรียนรู้
นายยงยุทธ กล่าวว่า 2. ส่งเสริมสุขภาวะหญิงตั้งครรภ์ โดยขยายต้นแบบสถานประกอบการที่ส่งเสริมมุมนมแม่ และรณรงค์ยาเม็ดเสริมไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ ส่วนเด็กเล็กจะทำให้เกิดศูนย์พัฒนาเด็กอ่อนหวาน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสมวัย มุ่งจัดผักผลไม้เพียงพอในแต่ละมื้อ และส่งเสริมให้ครูมีความรู้โภชนาการประจำในศูนย์ และ 3. ขับเคลื่อนรณรงค์นโยบาย อาทิ ฉลากสัญลักษณ์โภชนาการอย่างง่าย ลดขนาดน้ำตาลบรรจุซอง มาตรการควบคุมโฆษณาโทรทัศน์ในช่วงเวลาเด็ก สร้างค่านิยมวิถีสุขภาวะ โดยทำงานร่วมกับ 11 กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง และกว่า 30 เครือข่ายทั้งประเทศ
“ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดทำข้อเสนอการลดขนาดน้ำตาลบรรจุซองเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณามีมติสนับสนุน โดยลดจากขนาด 8 กรัม/ซอง หรือ 2 ช้อนชา เหลือเป็น 4 กรัม/ซอง หรือ 1 ช้อนชา ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจจัดประชุม รวมถึงหน่วยงานราชการต่างๆ สมัครใจใช้น้ำตาลขนาด 4 กรัม/ซอง เนื่องจากพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่เคยชินกับการเติมน้ำตาลหมดซอง แม้ไม่ทราบว่ากี่กรัม ซึ่งในน้ำตาล 1 ซอง กว่า 50% เป็นฟรุตโตส เมื่อร่างกายได้รับในปริมาณมากเกินไปจะสะสมที่ช่องท้องและตับ ไม่ต่างจากเครื่องดื่มรสหวานที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ ซึ่งจากการหารือกับผู้ผลิตน้ำตาล และกลุ่มธุรกิจโรงแรมเองก็ยินดีให้ความร่วมมือ โดยจะมีการรณรงค์ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคร่วมกับ อย. ในเรื่อง “หวานพอดีที่ 4 กรัม” และพัฒนากฎระเบียบเมื่อสังคมมีความพร้อมต่อไป” นายยงยุทธ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
