หลายคนเข้าใจว่าแค่การแปรงฟันก็สามารถดูแลความสะอาดช่องปากได้เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงฟันมีพื้นที่เพียง 25% ของช่องปากเท่านั้น หากต้องการดูแลความสะอาดช่องปากให้ได้ทั้งหมดเพื่อกำจัดแบคทีเรียที่แฝงตัวอยู่ตามส่วนต่างๆ เช่น ฟัน เหงือก กระพุ้งแก้ม เพดานปาก ซึ่งเป็นตัวการที่ก่อให้เกิดคราบไบโอฟิล์มที่เป็นสาเหตุของโรคในช่องปากทั้ง ฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคปริทันต์ที่รุนแรง แล้วอาจกลายเป็นช่องทางสำคัญให้เชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือกลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable Diseases) ได้แก่ โรคเบาหวาน, โรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจ, โรคถุงลมโป่งพอง, โรคมะเร็ง, โรคความดันโลหิตสูง และโรคอ้วนลงพุง เป็นต้น เข้าสู่กระแสเลือดจนอาจทำให้เราป่วยในทึ่สุด การดูแลช่องปากด้วย “น้ำยาบ้วนปาก” น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะที่สุด
เพราะ “น้ำยาบ้วนปาก” เป็นวิธีที่สามารถช่วยกำจัดแบคทีเรียได้ดีสุด ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็สามารถช่วยซอกซอนเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียได้ทั่วทั้งปาก แม้ในบริเวณที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง เพิ่มความมั่นใจ และลดโอกาสการเกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก
แล้ว “น้ำยาบ้วนปาก” แบบไหนที่สะดวกในการใช้ และเหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวัน เรามีคำแนะนำวิธีเลือกน้ำยาบ้วนปากดีๆ มาฝากกัน
สิ่งแรกที่ควรพิจารณาก็คือ ดูที่สารออกฤทธิ์ และส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ซึ่งในปัจจุบันที่ขายๆ กันอยู่มักจะมีส่วนประกอบ และคุณสมบัติของสารระงับเชื้อหรือสารออกฤทธิ์อยู่ 3 ประเภทได้แก่
ประเภทแรก คลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) เป็นสารที่ช่วยลดการเกิดคราบไบโอฟิล์ม และเหงือกอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ทันทีหลังการแปรงฟัน และไม่ควรใช้ต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ เนื่องจากอาจเกิดคราบสีที่ฟันซึ่งไม่สามารถกำจัดด้วยการแปรงฟัน น้ำยาบ้วนปากประเภทนี้ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือทันตแพทย์เท่านั้น
ประเภทต่อมาคือ เซทิลไพริดิเนียมคลอไรด์ (Cetylpyridinium Chloride หรือ CPC) ช่วยลดการเกิดคราบไบโอฟิล์ม และเหงือกอักเสบได้ สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวัน แต่ CPC เป็นสารออกฤทธิ์ที่มีประจุ ดังนั้นควรใช้หลังการแปรงฟันอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงเพื่อให้ได้ประสิทธิผลสูงสุด และไม่ควรรับประทานอาหารหรือน้ำทันทีหลังบ้วน เพราะอาจทำให้เกิดการติดสีของอาหารที่ฟันได้ สารในกลุ่มนี้ยังมีการวิจัยทางคลินิกถึงประสิทธิผลในการลดคราบไบโอฟิล์ม และเหงือกอักเสบไม่มากนัก
และประเภทสุดท้าย น้ำมันสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ (Essential Oils) เป็นสารไม่มีประจุ และมีโมเลกุลขนาดเล็กซอกซอนได้ดี จึงช่วยลดการเกิดคราบไบโอฟิล์ม และเหงือกอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวัน โดยไม่ก่อให้เกิดคราบสีที่ฟัน มีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติอย่างมากมาย สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวัน โดยไม่ก่อให้เกิดคราบสีที่ฟัน น้ำยาบ้วนปากชนิดนี้จะมีรสชาติเฉพาะตัวจากสารสกัดธรรมชาติทำให้ขณะบ้วนจะรู้สึกเย็นสดชื่น
ดังนั้นถ้าต้องการ “น้ำยาบ้วนปาก” ที่ใช้ง่าย ปลอดภัยต่อการใช้เป็นประจำ มีประสิทธิภาพในการกำจัดแบคทีเรียอย่างได้ผล และไม่ทิ้งคราบสีไว้ที่ฟัน ก็ควรเลือก “น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ” ให้เป็นตัวช่วยเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีของคุณ ๆ
(พื้นที่ประชาสัมพันธ์)