รู้หรือไม่ว่า อัตราการเกิด โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ กลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable Diseases) ซึ่งได้แก่ โรคเบาหวาน, โรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจ, โรคถุงลมโป่งพอง, โรคมะเร็ง, โรคความดันโลหิตสูง, โรคอ้วนลงพุง เป็นต้น เกิดขึ้นกับคนไทยเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ซึ่งเป็นผลมาจากการกินอยู่ วิถีชีวิต และพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพต่างๆ เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย รับประทานอาหารหวานมันเค็มจัด หรือมีความเครียด เป็นต้น หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงร่วมของโรคเหล่านี้ คือ การเคลื่อนไหวออกแรงกายที่ไม่เพียงพอ ซึ่งครอบคลุมถึงสุขอนามัยช่องปากที่ไม่ดี ดังนั้น การดูแลอนามัยของช่องปาก จึงเป็นวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยลดโอกาสเสี่ยง และความรุนแรงในการเป็นกลุ่มโรค NCDs ด้วย
คนส่วนมากคิดว่า การดูแลอนามัยในช่องปากด้วยการแปรงฟันเพียงอย่างเดียวก็น่าจะเพียงพอ แต่ความจริงแล้วการแปรงฟันดูแลได้เพียง 25% เท่านั้น เพราะผิวฟันเป็นเพียง 25% ของพื้นผิวทั้งหมดในช่องปาก ในขณะที่แบคทีเรียยังคงแฝงตัวอยู่ทุกแห่งในปากของเราทั้งฟัน เหงือก กระพุ้งแก้ม เพดานปาก และพร้อมที่จะก่อตัวเป็นไบโอฟิล์มได้ทันทีหลังแปรงฟันเสร็จ ซึ่งแบคทีเรียในไบโอฟิล์มนี่เองที่เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาช่องปากต่างๆ อาทิ ฟันผุ กลิ่นปาก เหงือกอักเสบ รวมถึงโรคปริทันต์ที่รุนแรงด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นช่องทางสำคัญให้เชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลากหลายชนิดเข้าสู่กระแสเลือดส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ของร่างกายในที่สุด
ดังนั้น หากต้องการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างทั่วถึง การใช้น้ำยาบ้วนปากที่ผสมสารแอนตี้ แบคทีเรีย ทุกครั้งหลังการแปรงฟัน จะช่วยซอกซอนลึก ลดการสะสมของแบคทีเรียได้ทั่วทั้งปาก แม้ในบริเวณที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง เพิ่มความมั่นใจในการป้องกันปัญหาสุขภาพในช่องปาก และลดโอกาสที่เชื้อแบคทีเรียจะเข้าสู่กระแสเลือดดังที่กล่าวมา เพื่อความสะอาด มั่นใจได้เต็มร้อย
แต่ใช่ว่าน้ำยาบ้วนปากหลากชนิดหลายยี่ห้อที่มีอยู่ในตลาดจะมีคุณภาพ หรือคุณสมบัติเหมือนกันทั้งหมด สิ่งที่แตกต่างกันที่เห็นได้ชัดก็คือ สารออกฤทธิ์ และส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ซึ่งหากต้องการกำจัดแบคทีเรียต้นเหตุของปัญหาช่องปาก เราควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่ผสมสารแอนตี - แบคทีเรีย และสารออกฤทธิ์กลุ่มน้ำมันสกัดธรรมชาติที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยต่อการใช้เป็นประจำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดคราบแบคทีเรีย และดูแลสุขภาพเหงือกอย่างได้ผล แล้วยังให้ความรู้สึกสะอาดสดชื่นเฉพาะตัว ให้ความรู้สึกแตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากทั่วไป
ข้อดีอีกข้อของน้ำยาบ้วนปากที่ใช้น้ำมันสกัดธรรมชาติคือ ไม่มีประจุ หรือ non-ionic ซึ่งจะไม่ทำปฎิกิริยากับยาสีฟัน จึงสามารถบ้วนหลังแปรงฟันได้ทันที
หลังแปรงฟันแล้ว อย่าลืมบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีประสิทธิภาพในการลดคราบแบคทีเรีย หรือ ไบโอฟิล์ม ง่ายๆ เพียงแค่นี้สุขภาพดีๆ ก็จะเกิดกับคุณแล้วล่ะ
ที่มา
1. JADA 2006.Nov:137(11 supplement):5S-9S
2. ข้อมูลจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
3. International Dental Journal.2010; 60: 175-180
4. J ClinPeriodontal.1989;16:347-352.
5. การประเมินความเสี่ยงฟันผุระดับบุคคลสำหรับการใช้ฟลูออไรด์ 2554
6. Periodontal Risk Self-Assessment from AAP
(พื้นที่ประชาสัมพันธ์)