สธ. คาดใส่ฟันเทียมพระราชทานและรากฟันเทียมได้ตามเป้าหมาย จี้ทุกเขตสุขภาพแก้ปัญหา “ฟันผุ - โรคปริทันต์” ในกลุ่มเด็กอายุ 5 ปี 12 ปี และผู้สูงอายุ เน้นจัดทันตแพทย์ให้บริการที่ รพ.สต. หวังเพิ่มการเข้าถึง ลดปัญหาเดินทางไป รพ.ใหญ่ สกัดคนแก่เสี่ยงติดเชื้อในช่องปาก 30%
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเปิดโครงการ “ความสุขพระราชทานจากฟันเทียมสู่รากฟันเทียม” เพื่อมอบฟันเทียมพระราชทานและรากฟันเทียมเป็นของขวัญแก่ผู้สูงอายุในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 2 ประกอบด้วย จ.ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย และเพชรบูรณ์ จำนวน 90 คน ว่า สธ. ตั้งเป้าหมายใส่ฟันเทียมแก่ผู้ที่สูญเสียฟันตั้งแต่ 50 - 100% จำนวน 40,000 ชุด และรากฟันเทียม 8,400 ชุด เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งในไตรมาสแรก มีผู้สูงอายุได้รับการใส่ฟันเทียมแล้ว 12,000 ราย หรือร้อยละ 30 และใส่รากฟันเทียม 1,306 คน คาดว่าจะทำได้ตามเป้า ซึ่งการใส่ฟันเทียมจะทำให้ผู้สูงอายุมีฟันเคี้ยวอาหารให้ละเอียดขึ้น กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการได้มากขึ้น
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า โรคในช่องปากที่ยังคงเป็นปัญหาคือฟันผุและโรคปริทันต์ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุ 5 ปี พบฟันผุ 79% กลุ่มอายุ 12 ฟันแท้ผุ 52% ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฟันผุ 97% เป็นโรคปริทันต์ 32% สาเหตุเกิดจากการแปรงฟันไม่ถูกวิธี มีหินปูนสะสม กระดูกรอบฟันถูกทำลาย ทำให้ฟันโยกและสูญเสียฟันในที่สุด จึงจำเป็นต้องเร่งจัดบริการทันตกรรมให้ครอบคลุมเพื่อแก้ปัญหา โดยให้ทุกเขตสุขภาพเน้นการเข้าถึงบริการของ 3 กลุ่มอายุ โดยเพิ่มในส่วนการส่งเสริม ป้องกัน และรักษา โดยลดฟันผุในเด็กในต่ำกว่า 50% เน้นให้ความรู้การแปรงฟันถูกวิธี เพิ่มการใช้ฟลูออไรด์ ขูดหินปูนและอุดฟัน โดยใช้ รพ.สต. หรือศูนย์สุขภาพชุมชนเขตเมืองเป็นฐานหลักดำเนินการ และจัดทันตแพทย์หมุนเวียนไปให้บริการ โดยประชาชนไม่ต้องเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่
“กลุ่มผู้สูงอายุมักมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง กำหนดให้ได้รับบริการดูแลสุขภาพช่องปากไม่ต่ำกว่า 50% เพื่อลดการติดเชื้อจากช่องปากและโรคปอดบวมจากการสำลักอาหาร ซึ่งพบว่ามีโอกาสถึง 30% รวมทั้งสนับสนุนให้ชมรมผู้สูงอายุดูแลอนามัยช่องปากตนเองให้ได้ 10,000 ชมรมทั่วประเทศ ขณะนี้ทำได้แล้ว 4,000 ชมรม เพื่อเป็นช่องทางการให้ความรู้ การดูแลสุขภาพฟัน ป้องกันโรคปริทันต์” ปลัด สธ. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่