xs
xsm
sm
md
lg

มติ มส.ให้พระสงฆ์ยุติการสวดมนต์หมู่ที่ลานพระบรมรูปพรุ่งนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เผยมติ มส. ให้พระยุติสวดมนต์ลานพระบรมรูปทรงม้า 31 มี.ค. นี้ พร้อมแจ้งให้วัดทั่วประเทศรับทราบ ชี้สถานที่ เวลาไม่เหมาะ รอ ทั้งเป็นเขตพระราชทาน หวั่นพระรวมตัวหรือมีบุคคลใดไม่หวังดีส่งผลเสียได้ ขณะที่ “สุวพันธุ์” เข้าสักการะ กรรมการ มส. แจงแนวทางการทำงานของรัฐบาล พร้อมให้คำมั่นถ้าจะดำเนินการพุทธศาสนาจะหารือ มส. ก่อน

วันนี้ (30 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ได้มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน ทั้งนี้ ก่อนการประชุม นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้เข้าสักการะกรรมการ มส. พร้อมให้สัมภาษณ์ภายหลังสักการะ ว่า จุดประสงค์ที่ตนมาเพื่อเข้ากราบสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และกราบเรียนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ตลอดจนแนวทางการทำงานของรัฐบาลว่า หากว่าจะดำเนินการเรื่องใด จะมีการปรึกษาหารือกับทางคณะสงฆ์อย่างใกล้ชิด ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีข้อกังวลเกี่ยวกับข้อศึกษาของนายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนานั้น ทางรัฐบาลกำลังรอผลการศึกษาดังกล่าวอยู่ จึงไม่สามารถแสดงความคิดเห็นใดๆ ได้

นายสุวพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เครือข่ายคณะสงฆ์และฆราวาสกว่า 10,000 รูป/คน จะเดินทางมาร่วมพิธีสวดมนต์ เจริญพระพุทธมนต์ ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าในวันที่ 31 มีนาคม นั้น ตนไม่ได้นำเข้าหารือแต่โดยส่วนตัวพระสงฆ์คงจะไม่มา และขอกราบนมัสการท่านว่า ขอให้เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะทำงานร่วมกับคณะสงฆ์ทั้งการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับโดยต้องการรับฟังความคิดเห็นและการทำประชาพิจารณ์ควบคู่กันไปด้วย

“ผมได้ยินมาว่า พระท่านคงไม่มาและตั้งความหวังว่าท่านจะไม่มาด้วย และก็ขอให้ท่านอย่ามา ซึ่งผม คิดว่าคณะสงฆ์ที่ต้องการมาสวดมนต์หรือมาให้ข้อคิดเห็นท่านมีความเข้าใจทุกอย่างดี ทั้งในส่วนของรัฐบาล กรรมการ มส. และรัฐบาลก็รับทราบถึงข้อกังวลของคณะสงฆ์ที่มีการใช้คำรุนแรง วิพากษ์วิจารณ์ในที่ประชุม สภาปฏิรูปแห่งชาติ ( สปช.) แล้ว ผมเองก็นั่งฟังอยู่ ทุกอย่างตอนนี้รัฐบาลรับมาดูแล อยากให้คณะสงฆ์ทั่วประเทศเชื่อมั่นอยู่อย่างหนึ่งว่า รัฐบาลมีวิธีการทำงานและทำทุกอย่างให้ถูกต้องและเหมาะสม จะเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีต่อพระพุทธศาสนา เพราะสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันหลักของประเทศไทย จะทำอะไรต้องละเอียดรอบคอบ” นายสุวพันธุ์ กล่าว

ด้าน พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาส ประธานคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปกิจการศาสนา ในคณะกรรมาธิการปฏิรูปค่านิยม ศิลปะ วัฒนธรรม จริยธรรมและการศาสนา สปช. กล่าวว่า ได้มากราบรายงานให้ที่ประชุม มส. รับทราบถึงแนวทางการทำงานของคณะอนุกรรมาธิการ ใน 5 ด้าน คือ 1. ฟื้นฟูองค์กรศาสนา 2. การทำให้ศาสนาเชื่อมโยงถึงองค์กร บุคคลในสังคม 3. การเสริมสร้างศาสนสัมพันธ์ให้ศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างไม่มีความขัดแย้ง 4. นำหลักธรรมเข้าไปสู่สถานศึกษาซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของการปลูกฝังคน และ 5. การใช้สื่อช่วยเผยแพร่ข้อมูลทางพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพย์สินของวัดและพระ นั้น หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ มส. ซึ่งมีวินัยสงฆ์ พระจะดำเนินการเอง ทางเราไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ เพียงแต่ทำหน้าที่ให้การสนับสนุน ส่วนข้อเสนอให้รื้อโครงสร้างของคณะสงฆ์นั้น เป็นข้อเสนอของชุดคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช. ซึ่งเป็นคนละชุดกับชุดของตนที่ดูแลเรื่องการฟื้นฟูกิจการพระพุทธศาสนา ตั้งขึ้นมานับแต่มี สปช. และทำงานจนกว่า สปช. หมดวาระ ซึ่งเรื่องของพระก็ต้องให้พระดำเนินการ

“ช่วงที่มีการอภิปรายเกี่ยวกับรายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ผมก็เห็นต่างไม่อยากให้มีการถ่ายทอดสื่อออกไป เพราะต้องยอมรับว่า หากพุทธศาสนิกชนและพระสงฆ์ฟังแล้วเกิดความไม่เข้าใจ ก็จะเกิดกระแสการต่อต้านเนื่องจากเรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องยอมรับว่า สปช. ก็มีความฝ่ายเห็นต่าง โดยเฉพาะเรื่องของศาสนา ดังนั้น การฟื้นฟูศาสนา ต้องอาศัยความเมตตาต่อกัน ซึ่งคาดว่าในเร็วๆนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯ จะเสนอแผนยุทธศาสตร์การฟื้นฟูศาสนาทั้ง 5 ข้อ ต่อ สปช.” พล.อ.เอกชัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อ เมื่อเวลา 17.00 น. ภายหลังจาก มส.ประชุมกว่า 3 ชั่วโมง พระพรหมเมธี กรรมการและโฆษก มส. กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนของ มส. ขอแจ้งให้พระสงฆ์ทั่วประเทศ ที่จะมาเจริญพระพุทธมนต์ ที่ลานพระพรมรูปทรงม้า นั้น ขอให้ยุติการมาสวดมนต์ดังกล่าว เพราะ มส. จะทำหน้าที่ประสานกับทางรัฐบาล ซึ่งนายสุวพันธ์ ในฐานะผู้แทนรัฐบาล ได้ให้ความเชื่อมั่นว่า การดำเนินสิ่งใดเกี่ยวข้องกับกฎหมายของคณะสงฆ์ รัฐบาลจะหารือกับ มส. หรือหากจะมีการดำเนินการเรื่องใด อาจจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐบาลกับมส.ในการทำงานร่วมกัน แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลมีความชัดเจนต่อคณะสงฆ์

ขอร้องไปยังพระหนุ่ม เณรน้อย และพุทธศาสนิกชนให้ระงับการเจริญพระพุทธมนต์ไปก่อน เนื่องจากไม่เหมาะทั้งเวลา และสถานที่ ทั้งเป็นวันสิ้นเดือน จัดงานกาชาด ที่สำคัญสถานที่ดังกล่าวเป็นเขตพระราชฐาน การที่มีพระรวมกัน หรือมีบุคคลใดออกมากล่าวในสิ่งที่ไม่เหมาะอาจเกิดปัญหาได้ ในเบื้องต้นได้แจ้งให้เจ้าคณะผู้ปกครองบางจังหวัดได้รับทราบถึงข้อร้องขอดังกล่าวแล้ว” โฆษก มส. กล่าว

นายชยพล พงษ์สีดา รอง ผอ.พศ. กล่าวว่า นายสุวพันธุ์ ได้ชี้ให้เห็นว่า ข้อเสนอทั้ง 4 ข้อชุดนายไพบูลย์ เป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น ต้องผ่านการพิจารณาจากรัฐบาลก่อน โดย มส. ได้พอใจการชี้แจงดังกล่าว และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ได้ขอบใจและอนุโมทนา ในหลักการและแนวคิดของรัฐบาล ในขณะเดียวกัน พศ. ได้ไปสำรวจสถานที่ที่พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์แล้ว พบว่า เป็นเขตพระราชฐาน และมีการจัดงานกาชาดอยู่ จึงไม่เหมาะสมที่จะจัดสวดมนต์ ทางพศ. จึงได้แจ้งให้ที่ประชุม มส. ได้รับทราบอีกด้วย

ด้าน พระเมธีธรรมาจารย์ ที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) กล่าวว่า ได้รับคำแถลงของโฆษก มส. แล้ว จึงต้องปฏิบัติตาม เพราะถือเป็นคำสั่งจากสูงสุดของคณะสงฆ์ ก็คงต้องยุติการสวดมนต์ในครั้งนี้ แต่ สนพ. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ หากรัฐบาลไม่จริงใจ ก็จะมีมาตรการออกมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในวันที่ 31 มี.ค. สนพ. จะแถลงอย่างเป็นทางการที่ มจร. ท่าพระจันทร์ ให้พุทธศาสนิกชนได้รับทราบด้วย

นายเสถียร วิพรมหา รักษาการนายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) กล่าวว่า สนพ. พร้อมปฏิบัติตามมส. และแจ้งให้พระสงฆ์ พุทธศาสนิกชนที่จะเดินทางมา ให้เดินทางกลับไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม สนพ. จะยังคงติดตามความเคลื่อนไหวในกรณีดังกล่าว โดยวันที่ 31 มีนาคม จะมีการแถลงข่าวแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไป


ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น