xs
xsm
sm
md
lg

ศธ.รับลูกนโยบาย “บิ๊กตู่” จัดทีมเฉพาะกิจแก้ปัญหาเร่งด่วนใน 7 เดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศธ. ขานรับนโยบายซูเปอร์บอร์ด นายกฯ “อมรวิชช์” แจงชุดของนายกฯ เป็นชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในระยะ 6 - 7 เดือน ซึ่งจะเห็นผลงานรูปธรรม ขณะที่ชุดของ สปช. ต้องทำงานตามกลไกของรัฐธรรมนูญ และจะเปลี่ยนชื่อเป็น คกก. นโยบายและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แห่งชาติ ทำงานสอดคล้องกับบอร์ดนายกฯ
นายอมรวิชช์ นาครทรรพ
วันนี้ (11 มี.ค.) นายอมรวิชช์ นาครทรรพ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. ว่า ที่ประชุมหารือถึงนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้ตั้งซูเปอร์บอร์ดการศึกษา เพื่อดูแลการศึกษา ซึ่งจะเป็นคณะทำงานระยะสั้นทำงานเร่งด่วนให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ต้องอ่านออกเขียนได้ และเด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 ต้องเลือกเรียนวิชาเสริมเป็นสาขาวิชาชีพ เพื่อการวางแผนอาชีพในอนาคต อีกทั้งเชื่อมโยงการศึกษากับการส่งเสริมวิชาชีพ ให้ตรงความต้องการของท้องถิ่นและประเทศชาติ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รายงานในที่ประชุมว่า มีเด็ก ป.3 จำนวน 25,000 คน ที่ยังอ่านเขียนภาษาไทยไม่ได้ โดยขณะนี้ สพฐ. ได้แก้ ปัญหาการเรียนภาษาไทยโดยมีการสอนแบบแจกลูกสะกดคำ ซึ่งจะทำให้เด็กเรียนรู้ภาษาไทยได้เร็วขึ้น ส่วนนโยบายให้เด็กอ่านออกเขียนได้ตั้งแต่ ป.1 นั้น สพฐ. พร้อมที่จะดำเนินการทันที ส่วนเรื่องการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบระบบทวิภาษา ซึ่งจัดสอนในโรงเรียนตามชายแดนและพื้นที่พิเศษนั้น ศธ. ยังไม่มีนโยบายยกเลิกการสอนแบบทวิภาษา เพียงแต่ปรับรูปแบบการสอนในเรื่องนี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
 
“สำหรับซูเบอร์บอร์ดของนายกฯ เป็นคนละชุดกับของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยชุดของนายกฯ เป็นชุดเฉพาะกิจเพื่อมาจัดการกับปัญหาเร่งด่วนในช่วง 6 - 7 เดือนนี้ ส่วนซูเปอร์บอร์ดของ สปช. จะเป็นองค์กรทั้งตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ โดยอาจจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นคณะกรรมการนโยบายและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แห่งชาติ และทำงานสอดคล้องกับซูเบอร์บอร์ดของนายกฯ โดยคณะกรรมการ ที่ สปช. เสนอได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว ส่วนโครงสร้างของคณะกรรมการชุดดังกล่าว จะเป็นอย่างไรนั้น ยังไม่มีการลงรายละเอียด แต่เท่าที่หารือเบื้องต้นคณะกรรมการชุดนี้จะประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีความรู้ความสามารถและเป็นที่ยอมรับของสังคม จากภาคส่วนต่างๆ ประมาณ 20 คน”นายอมรวิชช์ กล่าว
 
นายอมรวิชช์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าเรื่องร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองของกระทรวงการคลังในวันที่ 12 มีนาคม และหากไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน คาดว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวจะผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสามารถประกาศใช้ได้ปลายปี 2558 สำหรับ พ.ร.บ. ฉบับนี้จัดตั้งเพื่อส่งเสริมการผลิต การวิจัย และพัฒนาการใช้เทคโนโลยีทางการศึกษา ซึ่งจะมาช่วยเติมเต็มระบบไอซีทีทางการศึกษา

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น