สธ.เร่งดันสถาบันพระบรมราชชนก เป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางในกำกับ ด้านผู้ทรงฯ ศธ. ก.พ. ก.พ.ร. สำนักงบฯต่างเห็นด้วย พร้อมให้ข้อเสนอ
วันนี้ (17 ก.พ.) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมผู้ทรงคุณวุฒิจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อชี้แจงข้อคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.สถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. ... เพื่อปรับสถานะสถาบันพระบรมราชชนกเป็นสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา ว่า ผู้ทรงคุณวุฒิส่วนใหญ่เห็นความสำคัญในการปรับสถานะสถาบันพระบรมราชชนก ให้เป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทาง และเป็นสถาบันเทียบเท่ามหาวิทยาลัยที่อยู่ในกำกับของรัฐบาล โดยเป็นองค์กรในกำกับของ สธ. เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการในการผลิตกำลังคน โดยเฉพาะวิชาชีพพยาบาล สาธารณสุข และสหวิชาชีพระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ซึ่งสถาบันพระบรมราชชนกเป็นสถาบันหลักในการผลิตบุคลากรกลุ่มนี้ ให้แก่หน่วยงานในสังกัด สธ. ตามความต้องการและความขาดแคลนที่เป็นปัญหาเรื้อรังและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
ทั้งนื้ ที่ประชุมได้ให้ความคิดเห็นหลายอย่างในการปรับปรุง อาทิ ความชัดเจนในการผลิตบุคลากรเพื่อรับใช้ประชาชนในพื้นที่ สถานะขององค์กร องค์ประกอบของคณะผู้บริหารสภาสถาบัน ในระยะแรกให้มีบทเฉพาะกาลให้ปลัด สธ.เป็นนายกสภาฯ ไปก่อน เพื่อให้การดำเนินงานมีความมั่นคงระหว่างกระบวนการสรรหา เป็นต้น โดยได้มอบหมายให้สถาบันฯ หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อปรับปรุงรายละเอียดในบางมาตราตามที่ได้รับคำแนะนำ และส่งกลับให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องพิจารณา ก่อนเสนอเข้าครม.ให้ความเห็นชอบ การผลักดันร่าง พ.รบ.ฉบับนี้ มีความจำเป็นมากเนื่องจากทำหน้าที่ผลิตบุคลากรประมาณร้อยละ 35 ของการผลิตทั้งประเทศ เพื่อให้เพียงต่อการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ ที่ปัจจุบันยังขาดแคลน
นพ.อภิชาติ รอดสม ผอ.สถาบันพระบรมราชชนก กล่าวว่า สถาบันฯ มีสถานศึกษาคือ วิทยาลัยพยาบาล วิทยาลัยการสาธารณสุข วิทยาลัยแพทย์แผนไทย รวม 39 แห่ง มีภารกิจหลักในการผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพมากว่า 60 ปี เพื่อออกไปปฏิบัติงานในสถานพยาบาลในสังกัด สธ.รวมกว่า 200,000 คน ปัจจุบันมีแผนการผลิตบุคลากรสาขาพยาบาล สาธารณสุข สหเวชศาสตร์ ใน 9 หลักสูตร ตามความต้องการของ สธ. เป็นระดับปริญญาตรี 5 หลักสูตร และระดับประกาศนียบัตร 4 หลักสูตร จำนวน 5,740 คนต่อปี โดยฝึกภาคปฏิบัติที่โรงพยาบาลในสังกัดฯ และกลับไปทำงานในพื้นที่
นพ.อภิชาติ กล่าวว่า เมื่อสถาบันฯเป็นสถานศึกษาเฉพาะทางระดับปริญญา โดยเป็นหน่วยงานของรัฐในกำกับ สธ. จะมีฐานะเป็นนิติบุคคล บริหารภายใต้สภาสถานศึกษา จะช่วยให้มีความคล่องตัว สามารถรักษาคณาจารย์ที่มีคุณภาพให้อยู่ในระบบ เพื่อให้ความรู้แก่นักศึกษาตามแผนการผลิตที่วางไว้ และประสาทปริญญาแก่บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (17 ก.พ.) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมผู้ทรงคุณวุฒิจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อชี้แจงข้อคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.สถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. ... เพื่อปรับสถานะสถาบันพระบรมราชชนกเป็นสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา ว่า ผู้ทรงคุณวุฒิส่วนใหญ่เห็นความสำคัญในการปรับสถานะสถาบันพระบรมราชชนก ให้เป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทาง และเป็นสถาบันเทียบเท่ามหาวิทยาลัยที่อยู่ในกำกับของรัฐบาล โดยเป็นองค์กรในกำกับของ สธ. เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการในการผลิตกำลังคน โดยเฉพาะวิชาชีพพยาบาล สาธารณสุข และสหวิชาชีพระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ซึ่งสถาบันพระบรมราชชนกเป็นสถาบันหลักในการผลิตบุคลากรกลุ่มนี้ ให้แก่หน่วยงานในสังกัด สธ. ตามความต้องการและความขาดแคลนที่เป็นปัญหาเรื้อรังและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
ทั้งนื้ ที่ประชุมได้ให้ความคิดเห็นหลายอย่างในการปรับปรุง อาทิ ความชัดเจนในการผลิตบุคลากรเพื่อรับใช้ประชาชนในพื้นที่ สถานะขององค์กร องค์ประกอบของคณะผู้บริหารสภาสถาบัน ในระยะแรกให้มีบทเฉพาะกาลให้ปลัด สธ.เป็นนายกสภาฯ ไปก่อน เพื่อให้การดำเนินงานมีความมั่นคงระหว่างกระบวนการสรรหา เป็นต้น โดยได้มอบหมายให้สถาบันฯ หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อปรับปรุงรายละเอียดในบางมาตราตามที่ได้รับคำแนะนำ และส่งกลับให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องพิจารณา ก่อนเสนอเข้าครม.ให้ความเห็นชอบ การผลักดันร่าง พ.รบ.ฉบับนี้ มีความจำเป็นมากเนื่องจากทำหน้าที่ผลิตบุคลากรประมาณร้อยละ 35 ของการผลิตทั้งประเทศ เพื่อให้เพียงต่อการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ ที่ปัจจุบันยังขาดแคลน
นพ.อภิชาติ รอดสม ผอ.สถาบันพระบรมราชชนก กล่าวว่า สถาบันฯ มีสถานศึกษาคือ วิทยาลัยพยาบาล วิทยาลัยการสาธารณสุข วิทยาลัยแพทย์แผนไทย รวม 39 แห่ง มีภารกิจหลักในการผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพมากว่า 60 ปี เพื่อออกไปปฏิบัติงานในสถานพยาบาลในสังกัด สธ.รวมกว่า 200,000 คน ปัจจุบันมีแผนการผลิตบุคลากรสาขาพยาบาล สาธารณสุข สหเวชศาสตร์ ใน 9 หลักสูตร ตามความต้องการของ สธ. เป็นระดับปริญญาตรี 5 หลักสูตร และระดับประกาศนียบัตร 4 หลักสูตร จำนวน 5,740 คนต่อปี โดยฝึกภาคปฏิบัติที่โรงพยาบาลในสังกัดฯ และกลับไปทำงานในพื้นที่
นพ.อภิชาติ กล่าวว่า เมื่อสถาบันฯเป็นสถานศึกษาเฉพาะทางระดับปริญญา โดยเป็นหน่วยงานของรัฐในกำกับ สธ. จะมีฐานะเป็นนิติบุคคล บริหารภายใต้สภาสถานศึกษา จะช่วยให้มีความคล่องตัว สามารถรักษาคณาจารย์ที่มีคุณภาพให้อยู่ในระบบ เพื่อให้ความรู้แก่นักศึกษาตามแผนการผลิตที่วางไว้ และประสาทปริญญาแก่บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่