ศิษย์เก่า สจล. ร่วมฟังคำชี้แจงจากทีมบริหารกรณีถูกยักยอกเงิน 1.6 พัน ล. ชี้ระบบตรวจสอบการเงินสถาบันบกพร่อง ระบุผู้บริหารต้องเร่งปรับระบบเพื่ออุดช่องโหว่ ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย เผยภาพรวมพอใจมาตรการการแก้ไขปัญหา จี้สภาสถาบัน ผู้บริหารแสดงความรับผิดชอบให้เห็นมากกว่านี้ เหตุคาใจอาจมีคนในมีเอี่ยวกับเหตุการณ์นี้อีก
วันนี้ (13 ม.ค.) ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ รักษาการแทนอธิการบดี สจล. กล่าวภายหลังการหารือและชี้แจงความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ที่ สจล. ถูกยักยอกเงินไปกว่า 1,600 ล้าน ให้กับกลุ่มศิษย์เก่า สจล. ซึ่งมาร่วมรับฟังประมาณ 50 คน ว่า ถือเป็นครั้งแรก ที่ สจล. ชี้แจงอย่างเป็นทางการแก่ศิษย์เก่า รวมถึงเปิดโอกาสให้ทางศิษย์เก่าซักถามและรับฟังข้อเสนอแนะ ซึ่งศิษย์เก่าขอให้สถาบันเร่งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดขึ้น โดยทางศิษย์เก่าเองก็จะเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ จัดกิจกรรมดีๆ เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ของสถาบัน รวมทั้งขอให้สถาบันแก้ไขระบบบริหารจัดการต่างๆ ที่มีความบกพร่อง ซึ่งทางสถาบันฯก็ได้รับปากว่าจะดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นอีก
ส่วนการตรวจสอบนั้น ขณะนี้ทางสถาบันฯ ตรวจสอบเฉพาะบัญชีการเงินต่างๆ และได้ประสาน เตรียมข้อมูล เอกสารต่างๆ ส่งให้เจ้าพนักงานสอบสวน ดังนั้น กรณีดังกล่าวจะมีอาจารย์ บุคลากรของสถาบันเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น คงต้องรอข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม เวลานี้ทางสถาบันฯ ได้มีการวางมาตรการแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่จนเกิดปัญหาอย่างกรณีดังกล่าว
ด้าน นายวัชระ ฉัตรวิริยะ เลขานุการสมาคมศิษย์เก่า สจล. กล่าวว่า ทางศิษย์เก่าอยากทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากขณะนี้มีข้อมูลตามกระแสมากมาย ศิษย์เก่าบางคนยังสับสนว่าแท้จริงสถาบันทุจริต หรือ เป็นการฉ้อโกง ซึ่งชัดเจนแล้วในขณะนี้สถาบันเราโดนโกงไม่ใช่เรื่องการทุจริต และอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินคดี ที่ผ่านมาสมาคมศิษย์เก่า สจล. ได้มีการติดตามกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะแม้เราไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารงานของสถาบัน แต่เราก็ทำหน้าที่สนับสนุนกิจกรรมของสถาบันฯ เราไม่ยอมให้มีการใช้งาน ใช้เงินอย่างไม่ถูกต้องหรือมีการโกงเงินแน่นอน อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้น อยากให้ศิษย์เก่าทุกคนพิจารณาตามข้อเท็จจริงไม่ใช่ดูตามกระแส รวมถึงอยากให้สถาบันฯ บริหารงานอย่างความโปร่งใส การบริหารงานเกี่ยวกับเงินทุนต่างๆ ทุกคนสามารถเข้าถึงตรวจสอบได้ และการบริหารการเงินต้องทำโดยคนมืออาชีพ
“การมารับฟังข้อเท็จจริงของศิษย์เก่า เพื่อแสดงให้เห็นท่าทีว่าเรารักสถาบัน และเราจะเรียกร้องให้ศิษย์เก่ามาร่วมมือกันก็สร้างชื่อเสียง พัฒนาสถาบัน ซึ่งเรื่องนี้ชัดเจนว่าระบบการตรวจสอบทางการเงินของสถาบันมีความบกพร่อง ซึ่งเราไม่ได้เคลือบแคลงใจผู้บริหารชุดรักษาการ เพราะผู้บริหารชุดนี้ออกมาแจ้งข่าว จับโจรหรือชี้ช่องว่ามีโจรเข้ามา ส่วนชุดบริหารอื่นๆ คงต้องไปตามสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริง และเรื่องนี้คงไม่ได้ทำเพียงคนสองคน อาจจะมีโครงข่ายในสถาบันฯ แต่คงต้องรอตำรวจสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ศิษย์เก่าค่อนข้างพอใจมาตรการในการแก้ไขปัญหาของผู้บริหาร แต่ก็ยังกังวลใจ ว่าจะมีอาจารย์ พนักงานของสถาบันฯเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกจึงอยากให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว ซึ่งสมาคมศิษย์เก่าจะตามติดและไม่ปล่อยเรื่องนี้อย่างแน่นอน”นายวัชระ กล่าวและว่า ในสัปดาห์หน้า ทางสมาคมศิษย์เก่า สจล. จะมีการประชุมระดมความคิดเห็นของศิษย์เก่าว่าจะมีการดำเนินการอะไรช่วยเหลือสถาบัน สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่สถาบันได้บ้าง
ขณะที่ นายปุณลาภ ปุณโณทก ศิษย์เก่าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล. กล่าวว่า ทุกคนที่เป็นศิษย์เก่ารู้สึกอึดอัด และจุกที่ต้องเห็นคนในสถาบันการศึกษาที่เราเรียนมาไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องทางจริยธรรม ซึ่งสิ่งที่เสียหายไม่ใช่แค่เม็ดเงินเป็นพันล้าน แต่ยังทำให้สถาบันฯเสียชื่อเสียง และเกิดผลกระทบอีกมากมาย อีกทั้งยังตอกย้ำให้เห็นถึงความเละเทะของการคอร์รัปชัน และการโกงบ้านโกงเมือง ดังนั้น สภาสถาบัน และผู้บริหาร สจล. ต้องออกนโยบายที่เป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันขึ้นอีก และควรออกแบบโครงสร้างระบบการตรวจสอบการบริหารงานใหม่ นอกจากนี้ ต้องเน้นย้ำเรื่องธรรมาภิบาลในสถานศึกษาให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อสร้างจิตสำนึกให้เกิดขึ้นในบุคคล ทั้งนี้ ตนอยากให้มีการยกเครื่องเรื่องจริยธรรม และธรรมาภิบาลในสถาบันการศึกษาทั่วประเทศด้วย เพื่ออย่างน้อยประเทศไทยก็จะมีสถาบันการศึกษาที่ก้าวพ้นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน
“อยากให้คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ และศิษย์ปัจจุบัน ร่วมกันออกมาแสดงท่าที เพื่อให้ สจล. เกิดมิติใหม่ในการบริหารงานที่ไม่ทำให้เกิดอะไรที่ไม่เหมาะสมแบบนี้ขึ้นอีก เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่มีเหตุการณ์วิทยาลัยนวัตกรรมรับนักศึกษาระดับปริญญาเอกที่ไม่เหมาะสม ตามมาด้วยอดีตอธิการบดี สจล. มีปัญหาทำให้ต้องออกจากตำแหน่ง จนมาถึงคดีโดนยักยอกเงินคงคลัง ทำให้ศิษย์เก่ารู้สึกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับสถาบันการศึกษาที่เรารัก และยิ่งทำให้เคลือบแคลงสงสัยว่า ปัจจุบันยังจะมีสิ่งเหล่านี้อยู่หรือไม่ และมันจะหมดไปได้อย่างไร” นายปุณลาภ กล่าวและว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหาร สจล. ต้องแสดงออกไม่ว่าทางใดทางหนึ่งให้มากกว่านี้ เพราะทุกวันนี้เราก็ยังสงสัยอยู่ว่ามีทีมผู้บริหารอยู่ในขบวนการนี้มากน้อยแค่ไหน ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่