“ยงยุทธ” ป้องสติกเกอร์ไลน์ อ้างไอซีทีทำตามขั้นตอน แต่ถ้าจะสอบก็พร้อม

รองนายกฯ ป้องสติกเกอร์ไลน์ควรจบได้แล้ว หลังไอซีทียันทำตามขั้นตอน บอกควรดูที่เนื้อหา แต่หากนายกฯ ให้สอบก็สอบได้ไม่มีปัญหา ส่วนคดียักยอกทรัพย์เทคโนฯ ลาดกระบัง สถาบันต้องทำให้ชัดเจน เล็งชง ครม.หนุนเงินครอบครัวเด็กยากจน ให้ทดลองทำก่อน 1 ปี คาดใช้งบฯ ไม่เกินพันล้าน

นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาสติกเกอร์ไลน์ ที่มีการวิจารณ์ว่าแพงเกินไปว่า เรื่องนี้น่าจะจบได้แล้วเพราะถือเป็นการบริการให้กับประชาชนทั่วไป และที่ผ่านมากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้ยืนยันว่าทำทุกอย่างตามขั้นตอนปกติ ส่วนที่นายกรัฐมนตรีจะให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ นายยงยุทธกล่าวว่า ถ้าสอบก็สอบได้เพราะเป็นเรื่องที่น่าจะทำให้เกิดความโปร่งใส เมื่อถามว่า หลังจากเป็นข่าวนายกฯ ได้เรียกคุยบ้างหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ เพราะตนก็ชี้แจงเป็นระยะอยู่แล้ว และเรื่องนี้สื่อไปขุ่ยในประเด็นที่ไม่สำคัญมากกว่า เพราะนี่ถือเป็นระบบปกติและสามารถไปตรวจดูได้ การทำสติกเกอร์ก็มีเยอะแยะไป และราคาที่ทำนี้ทราบว่ามีการต่อรองราคาลงมาแล้ว

“ตอนนี้เราก็ต้องเชื่อว่าทำอย่างสุจริตก่อน ไม่น่าจะต้องเป็นเรื่องใหญ่ ผมอยากให้ไปดูในส่วนของเนื้อหามากกว่า และผมว่าสติกเกอร์มันก็ดูดี เป็น 12 ค่านิยมที่นายกฯ ได้รวบรวมค่านิยมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของคนไทยทั่วไป เพื่อให้เยาวชนได้เข้าใจเนื้อหาและการตระหนักถึง ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี และจะได้ไม่ต้องไปท่องเป็นอาขยาน ทำให้ประชาชนเข้าใจไปโดยปริยาย และทำให้คลายเครียด และผมเองก็ไม่ได้ติดใจ ซึ่งถ้าทำให้ถูกกว่านั้นได้เราก็อยากทำ แต่กรณีนี้เป็นเรื่องของบริษัทที่ทำ และอยู่นอกเหนือความควบคุมของเรา เราก็ต้องทำความเข้าใจต่อไป”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ราคานี้มีการเปรียบเทียบกับที่อื่นว่าถูกกว่าใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า มีการชี้แจงแล้วว่าราคานี้เหมาะสม และเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของไอซีที ตนไม่ได้เข้าไปดูในรายละเอียด

นายยงยุทธยังกล่าวในฐานะกำกับดูแลสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ถึงปัญหาการยักยอกทรัพย์ในสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังว่า เรื่องนี้ทางสถาบันต้องทำให้ชัดเจนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หลังจากนั้นหน่วยงานที่อยู่ในระดับอุดมศึกษาหรือกระทรวงศึกษาธิการก็ต้องเข้ามาดูแลด้วย รวมทั้งต้องดำเนินการหาผู้กระทำความผิดทั้งหมด เพื่อให้เป็นตัวอย่างในอนาคตไม่ให้มีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นอีกในทุกสถาบัน ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกระบวนการ

ผู้สื่อข่าวถามว่าในแง่ของนโยบายต้องมาดูระบบอุดมศึกษาทั้งหมด ว่าเมื่อออกนอกระบบแล้วจะเป็นอย่างไรหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เท่าที่ทราบมหาวิทยาลัยนี้ยังอยู่ในระบบ และความจริงมหาวิทยาลัยทั้งในและนอกระบบจะต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ในเรื่องความโปร่งใส

ต่อข้อถามว่าในแง่ของนโยบายควรมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตในสถาบันหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า ปกติทุกสถาบันจะมีระบบตรวจสอบ หรือป้องกันอยู่แล้ว หลายมหาวิทยาลัยก็มีระบบบริหารความเสี่ยง ความเสี่ยงทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญต้องมีมาตรการป้องกันไว้ก่อน และต้องมีการตรวจสอบ บางมหาวิทยาลัยมีคณะกรรมการธรรมาภิบาลด้วยซ้ำ ที่จะดูให้เกิดความโปร่งใส ดังนั้นเรื่องนี้มีความพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ ถ้ามีเจ้าหน้าที่ไม่สุจริตก็ต้องดำเนินการให้ชัดเจนว่าระดับไหนไม่สุจริตอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามทุกมหาวิทยาลัยจะมีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้าไปตรวจสอบอยู่แล้ว

นายยงยุทธยังกล่าวการจัดงานวันเด็กว่า ในส่วนของคณะกรรมการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดกิจกรรมหลายอย่างให้เด็กเข้ามาเรียนรู้ รวมถึงที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย ส่วนนโยบายที่จะให้เด็กแรกเกิดนั้น ขณะนี้ถือว่ามีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น และวันที่ 9 ม.ค.รัฐสภาจะมีการประชุมเรื่องนี้ โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี พูดเรื่องการสนับสนุนเด็กแรกเกิด โดยการให้เงินสนับสนุนกับเด็กที่ครอบครัวยากจน ซึ่งเราจะทดลองทำก่อน 1ปี และจะติดตามประเมินผลด้วย และถ้าดีก็จะขยายต่อไป ซึ่งจะเริ่มได้ในปีงบประมาณหน้า และตนจะเสนอครม.วันอังคารที่ 13 ม.ค. ทั้งนี้งบประมาณประเมินไว้ไม่น่าจะเกิน 1,000 ล้านบาท