ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทยอยลาออกต่อเนื่องหวังเงินสมทบ สปส. เผยจ่ายแค่ครึ่งเดียว ห่วงรัฐขาดสภาพคล่องควักจ่ายปีละพันล้าน เร่งหารือกฤษฎีกาออกกฎหมายอุดช่องโหว่ ทบทวนร่างกฎหมายใหม่ก่อนเสนอกระทรวง ชี้แนวโน้มสมัครรอบใหม่ไม่ให้จ่ายย้อนหลัง
วันนี้ (12 ม.ค.) นายโกวิท สัจจวิเศษ ผู้ตรวจราชการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ในฐานะโฆษก สปส. เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สปส. ได้ส่งร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. 2554 (มาตรา 40) เพื่อขยายเวลารับสมัครผู้ประกันตนที่มีอายุเกินกว่า 60 ปี ตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไปยังนายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน เพื่อพิจารณาเสนอต่อ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แต่ปลัดกระทรวงแรงงานได้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าว กลับมายัง สปส. เพื่อให้ทบทวนเนื้อหา เนื่องจากมีหนังสือท้วงติงจากหลายฝ่ายว่ามาตรา 40 ยังมีช่องโหว่ในหลายเรื่อง เช่น การให้ผู้ที่มีสิทธิประโยชน์ได้รับเงินบำนาญจากกองทุนอื่นๆ สามารถสมัครได้ การเปิดให้ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบย้อนหลังและไม่กำหนดระยะการเป็นผู้ประกันตน ทำให้รัฐบาลจะต้องจ่ายสมทบเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลต่องบประมาณของรัฐ นอกจากนี้ จะศึกษาว่าการเปิดรับสมัครรอบใหม่จะเปิดให้จ่ายเงินสมทบย้อนหลังได้หรือไม่ ดังนั้น สปส. จึงตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาทบทวนร่าง พ.ร.ฎ. ดังกล่าว เพื่ออุดช่องโหว่ตามที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตและเพื่อให้เนื้อหากฎหมายเป็นไปอย่างรัดกุม โดยจะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเร่งจัดทำร่างพ.ร.ฎ.ให้แล้วเสร็จเพื่อเสนอต่อปลัดกระทรวงแรงงานอีกครั้งภายในเดือนมกราคมนี้
นายโกวิท กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 รับสิทธิประโยชน์เฉพาะกรณีชราภาพ ซึ่งผู้ประกันตนจ่ายคนละ 100 บาท รัฐบาลสมทบคนละ 100 บาทต่อเดือนซึ่งมีอายุเกิน 60 ปี มายื่นลาออกเพื่อรับเงินสมทบนั้น ขณะนี้ สปส. ได้ให้สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศจ่ายเงินเฉพาะส่วนที่ผู้ประกันตนสมทบเดือนละ 100 บาทเท่านั้น ทั้งนี้ ส่วนที่รัฐจ่ายสมทบเดือนละ 100 บาทนั้น ยังไม่มีการจ่าย เนื่องจากรอการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าหากมีการลาออกเพื่อขอรับเงินสมทบในเวลารวดเร็วจะผิดเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ และการจ่ายเงินสมทบในส่วนของรัฐควรจะทำอย่างไร รวมทั้งจะต้องออกกฎหมายลูกเพื่อจัดทำเงื่อนไขรองรับหรือไม่ เช่น อาจจะกำหนดให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 เป็นผู้ประกันตนไปก่อน 1 - 2 ปี จึงจะสามารถลาออกและรับเงินสมทบทั้งส่วนที่ส่งเองและรัฐสมทบได้ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนมกราคมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคม 2558 ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 3 ภายในกระทรวงแรงงาน เริ่มมีผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 ซึ่งมีอายุเกินกว่า 60 ปีทยอยมาลาออกจากการเป็นผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขอรับเงินออมชราภาพ แต่สำนักงานฯ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกระทั่งผู้ประกันตนเปลี่ยนใจ
จากข้อมูลของ สปส. พบว่า ขณะนี้มีผู้ประกันตนมาตรา 40 ทุกทางเลือกทั่วประเทศ 2,471,116 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 สิทธิประโยชน์เฉพาะกรณีชราภาพจำนวน 359,000 คน โดยการเปิดรับสมัครผู้ประกันตนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2556 - วันที่ 8 ธันวาคม 2557 สามารถจ่ายเงินสมทบย้อนหลังได้ถึงเดือนพฤษภาคม 2555 รวม 32 เดือนโดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่ต้องเป็นผู้ประกันไว้ หากลาออกก็จะได้รับเงินสมทบ โดยในการเปิดรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 ในรอบใหม่ สปส. จึงมีแนวคิดจะปิดไม่ให้จ่ายเงินสมทบย้อนหลัง ซึ่งจากการคำนวณในทางเลือกที่ 3 ที่มีผู้ประกันตนประมาณ 300,000 คน ส่งผลให้รัฐต้องจ่ายเงินสมทบประมาณเดือนละ 900 ล้านบาท อาจส่งผลกระทบต่อกองทุน
นายสินชัย วงศ์สังข์ทอง อายุ 72 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 กล่าวว่า ตั้งใจเก็บไว้เป็นเงินก้อนฉุกเฉินเวลาเจ็บป่วยจะได้ไม่ต้องรบกวนลูก ส่วนเรื่องเงินบำนาญไม่ได้หวังเพราะมีเงื่อนไขต้องส่งนาน 35 ปี ถึงได้สิทธิและตนคงไม่อยู่นานถึงขนาดนั้น ซึ่งเจตนารมณ์ของประกันสังคมเป็นเรื่องดีที่ต้องการให้คนออมเงิน แต่ก็ต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนข้าใจชัดเจน อย่าทำแบบคลุมเครือแล้วปล่อยให้ไปคิดไปถามกันเอาเอง ข้อมูลมันจะคลาดเคลื่อน และอย่าเอาเรื่องเงินก้อนที่รัฐจ่ายสมทบอีกเท่าตัวมาล่อให้คนสมัคร คนจึงแห่ไปสมัครกันแน่นไปหมด และมีคนบางกลุ่มที่ตั้งใจจะไปสมัครเพื่อรอถอนเงินออกมาใช้ และขอให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบก่อนจะเปิดรับสมัครอีกรอบ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (12 ม.ค.) นายโกวิท สัจจวิเศษ ผู้ตรวจราชการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ในฐานะโฆษก สปส. เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สปส. ได้ส่งร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. 2554 (มาตรา 40) เพื่อขยายเวลารับสมัครผู้ประกันตนที่มีอายุเกินกว่า 60 ปี ตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไปยังนายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน เพื่อพิจารณาเสนอต่อ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แต่ปลัดกระทรวงแรงงานได้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าว กลับมายัง สปส. เพื่อให้ทบทวนเนื้อหา เนื่องจากมีหนังสือท้วงติงจากหลายฝ่ายว่ามาตรา 40 ยังมีช่องโหว่ในหลายเรื่อง เช่น การให้ผู้ที่มีสิทธิประโยชน์ได้รับเงินบำนาญจากกองทุนอื่นๆ สามารถสมัครได้ การเปิดให้ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบย้อนหลังและไม่กำหนดระยะการเป็นผู้ประกันตน ทำให้รัฐบาลจะต้องจ่ายสมทบเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลต่องบประมาณของรัฐ นอกจากนี้ จะศึกษาว่าการเปิดรับสมัครรอบใหม่จะเปิดให้จ่ายเงินสมทบย้อนหลังได้หรือไม่ ดังนั้น สปส. จึงตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาทบทวนร่าง พ.ร.ฎ. ดังกล่าว เพื่ออุดช่องโหว่ตามที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตและเพื่อให้เนื้อหากฎหมายเป็นไปอย่างรัดกุม โดยจะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเร่งจัดทำร่างพ.ร.ฎ.ให้แล้วเสร็จเพื่อเสนอต่อปลัดกระทรวงแรงงานอีกครั้งภายในเดือนมกราคมนี้
นายโกวิท กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 รับสิทธิประโยชน์เฉพาะกรณีชราภาพ ซึ่งผู้ประกันตนจ่ายคนละ 100 บาท รัฐบาลสมทบคนละ 100 บาทต่อเดือนซึ่งมีอายุเกิน 60 ปี มายื่นลาออกเพื่อรับเงินสมทบนั้น ขณะนี้ สปส. ได้ให้สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศจ่ายเงินเฉพาะส่วนที่ผู้ประกันตนสมทบเดือนละ 100 บาทเท่านั้น ทั้งนี้ ส่วนที่รัฐจ่ายสมทบเดือนละ 100 บาทนั้น ยังไม่มีการจ่าย เนื่องจากรอการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าหากมีการลาออกเพื่อขอรับเงินสมทบในเวลารวดเร็วจะผิดเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ และการจ่ายเงินสมทบในส่วนของรัฐควรจะทำอย่างไร รวมทั้งจะต้องออกกฎหมายลูกเพื่อจัดทำเงื่อนไขรองรับหรือไม่ เช่น อาจจะกำหนดให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 เป็นผู้ประกันตนไปก่อน 1 - 2 ปี จึงจะสามารถลาออกและรับเงินสมทบทั้งส่วนที่ส่งเองและรัฐสมทบได้ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนมกราคมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคม 2558 ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 3 ภายในกระทรวงแรงงาน เริ่มมีผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 ซึ่งมีอายุเกินกว่า 60 ปีทยอยมาลาออกจากการเป็นผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขอรับเงินออมชราภาพ แต่สำนักงานฯ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกระทั่งผู้ประกันตนเปลี่ยนใจ
จากข้อมูลของ สปส. พบว่า ขณะนี้มีผู้ประกันตนมาตรา 40 ทุกทางเลือกทั่วประเทศ 2,471,116 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 สิทธิประโยชน์เฉพาะกรณีชราภาพจำนวน 359,000 คน โดยการเปิดรับสมัครผู้ประกันตนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2556 - วันที่ 8 ธันวาคม 2557 สามารถจ่ายเงินสมทบย้อนหลังได้ถึงเดือนพฤษภาคม 2555 รวม 32 เดือนโดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่ต้องเป็นผู้ประกันไว้ หากลาออกก็จะได้รับเงินสมทบ โดยในการเปิดรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 ในรอบใหม่ สปส. จึงมีแนวคิดจะปิดไม่ให้จ่ายเงินสมทบย้อนหลัง ซึ่งจากการคำนวณในทางเลือกที่ 3 ที่มีผู้ประกันตนประมาณ 300,000 คน ส่งผลให้รัฐต้องจ่ายเงินสมทบประมาณเดือนละ 900 ล้านบาท อาจส่งผลกระทบต่อกองทุน
นายสินชัย วงศ์สังข์ทอง อายุ 72 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 กล่าวว่า ตั้งใจเก็บไว้เป็นเงินก้อนฉุกเฉินเวลาเจ็บป่วยจะได้ไม่ต้องรบกวนลูก ส่วนเรื่องเงินบำนาญไม่ได้หวังเพราะมีเงื่อนไขต้องส่งนาน 35 ปี ถึงได้สิทธิและตนคงไม่อยู่นานถึงขนาดนั้น ซึ่งเจตนารมณ์ของประกันสังคมเป็นเรื่องดีที่ต้องการให้คนออมเงิน แต่ก็ต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนข้าใจชัดเจน อย่าทำแบบคลุมเครือแล้วปล่อยให้ไปคิดไปถามกันเอาเอง ข้อมูลมันจะคลาดเคลื่อน และอย่าเอาเรื่องเงินก้อนที่รัฐจ่ายสมทบอีกเท่าตัวมาล่อให้คนสมัคร คนจึงแห่ไปสมัครกันแน่นไปหมด และมีคนบางกลุ่มที่ตั้งใจจะไปสมัครเพื่อรอถอนเงินออกมาใช้ และขอให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบก่อนจะเปิดรับสมัครอีกรอบ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
