ผู้บริหาร สจล. เปิดห้องแจง “นศ.- คณาจารย์” ถูกอมเงิน 1,600 ล.บาท ยันไม่กระทบการเรียน วอนอย่ากลัวจบแล้วตกงาน เหตุคุณภาพการสอนไม่เสียหาย เปิดมาตรการสกัดโกง 3 ระยะ เปลี่ยนผู้มีอำนาจลงนามทำธุรกรรม ยกเลิกเขียนเช็คเงินสด จ่อหารือปิดบางบัญชี คัดหน่วยงานภายนอกทำธุรกรรมแทน พร้อมขอทุกคนช่วยกอบกู้ชื่อเสียงภาพลักษณ์
วันนี้ (7 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมแคแสด สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ รักษาการแทนอธิการบดี สจล. พร้อมด้วย รศ.ดร.จำรูญ เล้าสินวัฒนา และ ผศ.ดร.เผ่าภัค ศิริสุข รักษาการแทนรองอธิการบดี สจล.ร่วมชี้แจงและทำความเข้าใจกับนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากร กรณีปัญหาการยักยอกเงินคงคลังของ สจล. ที่หายไปกว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งมีนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรเข้าร่วมรับฟังกว่า 200 คน โดย ศ.ดร.โมไนย กล่าวว่า ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทางคณะผู้บริหาร สจล. ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ได้ชี้แจงกับภายใน สจล. มากนัก ทำให้ส่วนใหญ่จะทราบข่าวผ่านสื่อมวลชน นั่นเพราะหลายประเด็นมีความเกี่ยวข้อกับรูปคดี แต่ตลอดเวลาที่เกิดปัญหาทาง สจล. ได้ให้ความร่วมมือในการรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่ร้องขอ และได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้สาวเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพราะไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับผู้บริหารชุดใดก็ตาม ถ้าทำผิดก็ต้องถูกดำเนินการแน่นอน ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าเงินในส่วนที่หายไปนั้นไม่มีผลกระทบต่อการเรียนการสอน รวมถึงการบริหารงานทุกส่วน โครงการต่างๆ การเดินทางที่จะต้องมีการขออนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณก็ยังสามารถเบิกจ่ายตามปกติ 100% แน่นอน
“ วันนี้ทุกคนเห็นภาพชัดเจนแล้วว่า สจล. มีอาชญากรเข้ามาโกงเงิน ดังนั้น ในอนาคตต้องมีความเข้มข้นในการบริหารจัดการมากขึ้น และจากนี้อยากขอร้องให้ทุกคนร่วมกันกอบกู้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงในทางที่ดีของ สจล. ให้กลับมาอีกครั้ง โดยเริ่มต้นทำตัวเองให้ดีก่อน และสิ่งดีๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งผมเชื่อในพลังของนักศึกษา หากนักศึกษามีไอเดีย หรือโครงการดีๆ ที่จะทำให้เกิดประโยชน์แก่สถาบันฯ ก็ให้เสนอเข้ามาได้เลย” ศ.ดร.โมไนย กล่าวและว่า สำหรับข้อกังวลของนักศึกษาที่กลัวว่าเมื่อเรียนจบจาก สจล. แล้ว ทางสถานประกอบการต่างๆ จะไม่รับเข้าทำงานนั้น ตนมองว่าเรื่องนี้ไม่น่ามีผลต่อการรับเข้าทำงาน เพราะอาจารย์ยังสอนตามปกติ นักศึกษาก็ตั้งใจเรียน ดังนั้น คุณภาพการศึกษาก็ไม่ได้เสียหาย
ด้าน รศ.ดร.จำรูญ กล่าวว่า ยืนยันได้ว่าที่ผ่านมาระบบการตรวจสอบเงินของ สจล. มีมาตรฐาน โดยมีการตรวจสอบทั้งจากหน่วยงานภายใน และหน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดมาจากเอกสารต่างๆ เช่น บัญชีธนาคาร ตัวเลขเงินในบัญชี รวมทั้งใบรับรองยอดเงิน ที่ส่งให้ผู้ตรวจสอบเป็นเอกสารเท็จที่กลุ่มมิจฉาชีพปลอมแปลงขึ้นมา จึงทำให้การตรวจสอบต่างๆ หลุดรอดมาได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทาง สจล. จึงได้มีการวางมาตรการป้องกันทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นอีก โดยระยะสั้น ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว คือ เปลี่ยนผู้มีอำนาจในการลงนาม และการทำธุรกรรมกับธนาคาร ต้องมีการลงบันทึกในสมุดประจำวันทุกครั้งว่า ในแต่ละครั้งไปทำธุรกรรมทางการเงินที่สาขาใด ยอดเงินเท่าใด หรือโอนเงินจากสาขาไหนไปสาขาไหน พร้อมทั้งลงลายมือชื่อผู้ทำธุรกรรมทางการเงินด้วย และต้องนำสมุดบัญชีธนาคารทั้งหมดไปปรับยอดเงินทุกสัปดาห์ นอกจากนี้จะปรับขั้นตอน และกระบวนการการทำธุรกรรมทางเงินให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบให้การเบิกจ่ายอาจล่าช้าเล็กน้อย เช่น การสั่งจ่ายเช็ค จะไม่มีการเขียนเช็คเงินสดอีกต่อไป จะต้องเป็นเช็คที่โอนเข้าบัญชีเท่านั้น มาตรการระยะกลาง คือ จะหารือเพื่อพิจารณาว่าควรปิด และคงสมุดบัญชีเล่มใดไว้บ้าง
รศ.ดร.จำรูญ กล่าวต่อว่า และมาตรการระยะยาวคือ จะพิจารณาคัดเลือกหน่วยงานภายนอกที่มีมาตรฐาน ได้รับความน่าเชื่อถือด้านการทำธุรกรรมทางการเงิน และเป็นหน่วยงานที่เคยทำกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาก่อน รวมทั้งรับผิดชอบในกรณีที่เกิดความเสียหาย เข้ามาดำเนินธุรกรรมทางการเงินแทน สจล. เพื่อให้การทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ไปสู่ระบบที่รัดกุมยิ่งขึ้น ส่วนข้อกังวลของนักศึกษาที่มองว่าเงินในส่วนกลางของสถาบันฯ ยังถูกยักยอก แล้วเงินตามคณะต่างๆ จะมีปัญหาหรือไม่นั้น ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบแล้ว และยังไม่พบความผิดปกติใดๆ สำหรับประเด็นที่นักศึกษาห่วงว่าเงินที่โดนยักยอกไปจะได้ครบหรือไม่นั้น ขอชี้แจงว่าเราไม่มีอำนาจไปทวงเงินคืน แต่ปกติแล้วต้องได้คืน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบเส้นทางของการโอนเงินแล้ว แต่จะได้คืนครบทั้ง 100% หรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบได้ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะมีการชี้แจง และทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แก่คณาจารย์ บุคลากร และศิษย์เก่าได้รับทราบด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการชี้แจงทางผู้บริหารได้เปิดให้นักศึกษาสอบถามทุกข้อสงสัยจากผู้บริหารด้วย โดยมีการตั้งคำถามหลากหลาย โดยเฉพาะมีการตั้งคำถามถึงว่าใครมีอำนาจหน้าที่ในการเบิกจ่ายงบประมาณบ้าง ที่ผ่านมา สจล.มีระบบการตรวจสอบการเงินเช่นไร การจะจ้างหน่วยงานภายนอกมาทำหน้าที่ธุรกรรมการเงินแทน สจล. จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะเกิดปัญหาโกงอีก รวมทั้ง มีการสอบถามถึงกรณีที่เงินหายจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนา สจล.ในโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการไว้หรือไม่ ทั้งโครงการสร้างสกายวอล์ก การพัฒนางานวิจัย และถามถึงว่า สจล. จะสร้างความเชื่อมั่นให้เด็กที่จะเลือกเรียนต่อ สจล. รวมถึงความเชื่อมั่นกับสถานประกอบการที่จะรับนักศึกษาที่จบการศึกษาออกไป เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่น ซึ่งผู้บริหารได้ตอบทุกคำถามของนักศึกษาและใช้เวลาในการประชุมชี้แจงประมาณ 1 ชั่วโมง
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
